FootNote:ฤา บทบาทของ “คณะก้าวหน้า” หนีไม่พ้นเงาพรรคอนาคตใหม่
พลันที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติที่จะสอบพฤติการณ์การเคลื่อนไหวของคณะก้าวหน้าในการเลือกตั้งนายกและสมาชิกอบจ.ว่า เป็นการเคลื่อนไหวแบบพรรคการเมืองหรือไม่
นั่นเท่ากับเป็นการการันตีให้เห็นว่าบทบาทและการเคลื่อนไหว ของคณะก้าวหน้าเริ่มเข้าตา”กรรมการ”
ต้องยอมรับว่า การสกัดขัดขวางการเคลื่อนไหว”คณะก้าวหน้า” กำลังดำเนินไปเหมือนกับความพยายามในการสกัดขัดขวางการเคลื่อนไหวของ”พรรคอนาคตใหม่”ในอดีต
เพราะหากว่าการเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่ไม่ทรงความหมาย ไม่ก่อผลสะเทือนในทางการเมือง ก็คงไม่ถึงมือของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
พลันที่เข้าสู่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั่นหมายถึงมือของกฎหมาย ไม่ว่ากฎหมายพรรคการเมือง ไม่ว่ากฎหมายการเลือกตั้งจักต้องยื่นเข้ามา
นั่นก็คือหลุดจากฝีมือและความสามารถของการสร้างม็อบแบบที่นครศรีธรรมราช หรือแบบที่ฉะเชิงเทราไปแล้ว
จำเป็นต้องยอมรับว่า บทบาทของ”คณะก้าวหน้า”มีความสืบเนื่องจากบทบาทของ”พรรคอนาคตใหม่” จะแตกต่างก็เพียงแต่มิได้เป็น พรรคการเมืองเท่านั้นเอง
เพียงแต่ว่าเป็นชื่อที่ประกาศออกมาว่าเป็น”คณะก้าวหน้า”มิใช่เป็น”พรรคอนาคตใหม่”
เพราะกล่าวในด้านตัวบุคคลก็ล้วนเคยเป็นกรรมการบริหารของ พรรคอนาคตใหม่มาก่อน ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช
จะแตกต่างก็เพียงแต่ว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นการเคลื่อนไหวในการเลือกตั้งนายกและสมาชิกอบจ.เท่านั้น มิได้เป็นการเลือกตั้งส.ส.เหมือนที่เคยกระทำก่อนเดือนมีนาคม 2562
คำถามอยู่ที่ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จะทำอย่างไร
ทำเหมือนกับว่า”คณะก้าวหน้า”เป็น”พรรคอนาคตใหม่”ทั้งๆที่มิได้เป็นพรรคการเมืองกระนั้นหรือ
นี่ย่อมเป็นเรื่องในทางการเมืองอย่างแน่ชัด นี่ย่อมเท่ากับเป็นการให้บทบาทและความหมายแห่งการเคลื่อนไหวในทางการเมืองของคณะก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
ในอีกด้านหนึ่งจึงเท่ากับสะท้อน”ความกลัว”ที่ดำรงอยู่ คำถามอยู่ที่ว่าเป็น”ความกลัว”อันมาจากที่ใดในทางการเมือง