FootNote:บทบาทคณะก้าวหน้า จากจุดแพ้กับการปักธง “รัฐราชการรวมศูนย์”

ภายในการออกมาขอโทษต่อประชาชนของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ไม่สามารถผลักดันให้ผู้สมัครในนามคณะก้าวหน้าได้รับเลือกเป็นนายกอบจ.ทั้ง 42 จังหวัด

ได้รับการขานรับอย่างคึกคักและกว้างขวาง ทั้งที่ออกมาแสดง ความเห็นอกเห็นใจ ทั้งที่ออกมาเยาะเย้ยถากถาง

นี่ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาอย่างปกติในทางการเมือง

ในสภาพที่คณะก้าวหน้าหากนับจุดเริ่มต้นจากพรรคอนาคตใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นการทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก็ต้องถือว่าหน้าใหม่อย่างยิ่ง

ทั้งเป็นหน้าใหม่ที่ต้องเผชิญกับกระบวนการเสียดทานในทาง การเมืองอย่างร้อนแรงนับแต่เสนอตัวเข้ามาเมื่อปี 2561 ก็ถูกต้อนรับน้องใหม่อย่างดุเดือดและรุนแรง

ดุเดือดด้วยขบวนการต่อต้านหลากหลายรูปแบบ รุนแรงกระทั่งมีการเรียกร้องและนำไปสู่การยุบพรรคในเดือนกุมภาพันธ์ 2563

การเข้าสู่การเลือกตั้ง”ท้องถิ่น”จึงต้องฝ่าด่านอย่างยากลำบาก

ภายในความพ่ายแพ้ที่ผู้สมัครนายกอบจ.ทั้ง 42 จังหวัดไม่ได้รับเลือกเลยแม้แต่รายเดียว แต่ภายในความพ่ายแพ้นั้นก็มิได้ความพ่ายแพ้อย่างชนิดหมดรูป

เมื่อนำผลคะแนนที่ได้จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มาเปรียบเทียบกับเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ก็จะเห็นได้ชัด

ใน 42 จังหวัดในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มีผู้มาใช้สิทธิ์กว่า 19 ล้านคนพรรคอนาคตใหม่ได้ 15 ล้านกว่าคะแนนคิดเป็นร้อยละ 16.2

ใน 42 จังหวัดในการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2563 มีผู้มาใช้ สิทธิ์กว่า 15 ล้านคนคณะก้าวหน้าได้ 2 ล้านกว่าคะแนนคิดเป็นร้อยละ 17 เท่ากับเป็นตัวเลขที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นบนฐานเดียวกัน

ยิ่งกว่านั้นภายใน 42 จังหวัดนี้ผู้สมัครสมาชิกอบจ.ยังได้รับเลือกเข้ามาถึง 55 คนใน 18 จังหวัด

นี่ย่อมเท่ากับเป็น”หน่ออ่อน”ที่วางเอาไว้อย่างมีนัยสำคัญ

หากมองผ่านตัวบุคคลก็ถือได้ว่าคณะก้าวหน้าไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย แต่หากมองผ่านกระบวนการในทางความคิดคณะก้าวหน้าก็ประสบความสำเร็จ

เป็นความสำเร็จที่วางหน่ออ่อนในทางความคิดว่าด้วย “รัฐราช การรวมศูนย์”เอาไว้อย่างเป็นที่รับรู้กันทั่วไป

ความคิด”ทวงคืน”อำนาจจาก”รัฐราชการรวมศูนย์”ดังกึกก้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน