ทักษิณ ชินวัตร มองเมืองไทยในปี 2564 – หมายเหตุ : นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษผู้สื่อข่าว ผ่านระบบสไกป์ โดยวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ต่างๆ ของไทย ในปี 2564

หนุนป้องกันโควิดดีกว่าควบคุม

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบสองในไทย อย่าไปตกใจมาก จริงๆ อยู่ที่ทัศนคติการทำงานว่าอยากให้เป็นลักษณะควบคุมหรือป้องกัน การควบคุมเชื้อโรคสั่งไม่ได้ เพราะเชื้อโรคไปได้ทุกที่ทุกเวลา แต่กับคนถ้าให้ความรู้ก็จะไม่ตกใจ จะเข้าใจและป้องกันตัวเองได้

ที่ทั้งโลกตกใจเพราะรอบแรกที่ระบาดไวรัสมีหลายตัว คงเหมือนไข้หวัดใหญ่เมื่อก่อน คล้ายๆไวรัสตัวนี้ เราไม่มีความรู้ เลยกลัวไปหมด จนมีวัคซีน ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน วิธีการรักษาง่ายขึ้นคนก็ไม่กลัว

โควิด-19 ที่เกิดขึ้นใหม่มนุษย์ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน และเกิดได้ในหลายรูปแบบ ตอนนี้ร่างกายเรายังสู้ไม่ได้ ผู้เสียชีวิตจากโควิดมีอัตราต่ำมาก อัตราติดเชื้อทั้งโลก 81 ล้านคน เยอะมากแต่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ประชากรไม่ถึง 2% ที่ติดเชื้อ และติดเชื้อแล้วเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเกี่ยวกับวัณโรค หรือพวกเปราะบาง เช่น ผู้มีอายุเกิน 70 ปี มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน เบาหวาน หัวใจ ความดันสูง

ถ้าให้อำนาจในการคิดการตัดสินใจกับประชาชนโดยการให้ความรู้การป้องกันจะดีกว่าการควบคุม เช่น ที่ดูไบมีการเสียชีวิตจากโควิด 600 กว่าคน ถือว่าไม่มาก แต่เขาเปิดประเทศเลย เพราะทำมาหากินเรื่องท่องเที่ยว แล้วเปิดประเทศโดยวิธีป้องกันคือใครเข้าประเทศก็ตรวจ CPR หาเชื้อ จึงเป็นระบบป้องกันมากกว่าระบบควบคุม

การควบคุมมีราคาแพง ต้องใช้เจ้าหน้าที่ทำให้การควบคุมแพงกว่าการป้องกัน วิธีการป้องกันยังถือเป็นการเปิดเศรษฐกิจด้วย แต่วิธีการควบคุมเป็นการปิดเศรษฐกิจทั้งหมด

ต้องสมดุลกับเศรษฐกิจ

อยากเห็นประเทศไทยใช้ระบบป้องกันให้ความรู้กับประชาชนอย่างชัดเจน อย่าตกใจกลัว แล้วป้องกัน การ์ดอย่าตกเท่านั้นเอง ผู้ที่เป็นกลุ่มเปราะบางให้อยู่บ้านก็จะเป็นการป้องกัน อีกทั้งเศรษฐกิจก็เปิด ประชาชนก็ไม่เครียด สามารถออกไปทำมาหากินได้

วันนี้ต้องหาความพอดีระหว่างความเป็นอยู่กับการป้องกันโรค จะเป็นวิธีไหนก็แล้วแต่รัฐบาลจะคิด บางทีรัฐบาลทำไปอาจมีเหตุผลของเขาผมไม่อาจรู้ได้ แต่ถ้าดูจากภายนอกอยากเห็นเศรษฐกิจดีกว่านี้ ฉะนั้นต้องให้เศรษฐกิจเปิด ตลาดมันเดินไปได้ ไม่เช่นนั้นคนหาเช้ากินค่ำจะอยู่กันลำบาก ดังนั้นต้องมีความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจกับการป้องกัน ไม่ใช่การควบคุมมันจะเอาไม่อยู่ เพราะเชื้อโรคมันไม่เชื่องแล้วเราต้องมาใช้ กำลังคน ใช้เงินจำนวนมาก

หลังโควิดจะเห็นพฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป อย่างที่แรก เวิร์กฟรอมโฮม ใช้คนงานน้อยลงเพราะราคาถูก สองเรียนหนังสือที่บ้าน เช่นที่อเมริกาทุกวันนี้ไม่ได้ถามหาใบปริญญา แต่จะถามหาประสบการณ์ ฉะนั้นต่อไปใบปริญญาจะสำคัญน้อยลง อย่างที่สามช็อปฟรอมโฮมจะมากขึ้น ศูนย์การค้าใหญ่ๆ จะเป็นที่เดินเล่น แต่ซื้อของออนไลน์แทน และช่วงต่อไปนั้นจะทำมาหากินยากขึ้น จะมีหลายประเทศสร้างระบบป้องกันตัวเอง แล้วเห็นแก่ตัวมากขึ้น

แนะปรับแก้รธน.40

การพัฒนาคนไทยต้องเดินไปด้วยกันได้ว่า โลกยุคใหม่ยุคที่มีโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กที่แข็งแรง ประชาชนเรียนรู้ได้หลายแหล่ง ฉะนั้นต้องรู้จริง อย่าโกหก อย่าเอาเรื่องที่รู้ไม่จริงมาพูด เพราะทุกอย่างมีบันทึกไว้หมด การรู้และพูดจริงเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ

แน่นอนการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้คนเดินไป ด้วยกัน หรือขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกันได้ เพราะการบริหารประเทศต้องถูกนำโดยฝ่ายการเมือง ดังนั้นฝ่ายการเมืองต้องมีคุณภาพ และถ้าการเมืองดี คนที่มีคุณภาพจะเข้ามาได้มากขึ้น แต่ถ้าการเมืองไม่ดี คนที่มีคุณภาพก็จะถอยลงไป การเมืองจึงต้องแข็งแรง มีความเป็นธรรม และเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ถ้าการเมืองไม่เป็นธรรม คนดีก็ไม่กล้าเข้ามา

ถ้าถามว่ายังมีความหวังว่าจะมีคนที่เก่งและดีเข้ามาบริหารประเทศหรือไม่นั้น อยู่ที่ว่ารัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร และรัฐธรรมนูญนั้นจะอยู่คงทนหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญเราเปลี่ยนบ่อยกว่ากฎหมายธรรมดาด้วยซ้ำ ถ้าได้รัฐธรรมนูญที่ดีและแข็งแรง ไม่มีการฉีก รัฐธรรมนูญเรื่อยๆ การเมืองก็จะแข็งแรง

รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 เป็นฉบับประชาชนจริงๆ ถ้ายึดรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นหลักแล้วปรับ จะง่ายและเร็วขึ้น แต่เป็นธรรมชาติของมนุษย์เมื่อได้เปรียบก็ไม่อยากให้ความได้เปรียบหายไป อยากรักษาความได้เปรียบนั้นไว้ต่อ รัฐธรรมนูญเลยกลายเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง

แต่ถ้าคิดว่าเรากำลังร่วมกันทำรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อประเทศของเราในระยะยาว เพื่ออนาคตของลูกหลาน ถ้ามีความขัดแย้งกันอยู่เรื่อยๆ เด็กก็มองไม่เห็นอนาคต วันนี้เราไม่สามารถปกปิดเด็กได้ว่าอย่ารู้เรื่องต่างๆ วันนี้เขาสามารถรู้ได้หมดจากการค้นคว้า

ผู้ใหญ่จึงต้องอยู่บนโลกของความเป็นจริง อยู่กับโลกที่อนาคตจะเปลี่ยนไป ต้องเข้าใจว่าอนาคตจะไปตรงไหน อย่าไปอยู่บนโลกแห่งอดีตมากนัก แม้อดีตจะเป็นสิ่งที่เราควรเรียนรู้ แต่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราคาดหมาย ดังนั้นเรียนรู้ได้แต่อย่าหลงใหล

โต้ท่อน้ำเลี้ยงม็อบ

สำหรับการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนต่างๆ การที่คนมารวมตัวกันแล้วสะท้อนความคิดเห็นเป็นสิ่งที่ควรรับฟัง แต่อะไรทำได้หรือ ไม่ได้ต้องอธิบายกันไป บางครั้งไม่ฟังเกินไปก็ทำให้เกิดการต่อต้าน แต่ถ้าฟังมากไปโดยไม่มีเหตุผลก็ไม่ได้ ทุกอย่างมีเหตุมีผล ดังนั้นใครพูดอะไรก็มาฟัง ถ้าทำได้ก็ทำ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องอธิบาย ต้องมีการส่งสารที่ชัดเจนด้วย

ส่วนข้อสังเกตว่าผมเป็นท่อน้ำเลี้ยงม็อบเยาวชนนั้น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วคิดไม่ออก ก็ต้องคิดถึงผมไว้ก่อนอยู่แล้ว นี่ 10 กว่าปีแล้ว ลำพังผมอยู่เมืองนอกค่าใช้จ่ายก็สูงอยู่แล้ว ก็ต้องทำมาหากิน แล้วถามว่าผมได้อะไร

บางครั้งคนก็ว่าไปเรื่อยเปื่อย มันไม่เกี่ยวกับผม ชีวิตผมนั้นเป็นชีวิตที่อิสระแล้ว เพียงแต่ใจยังรักประเทศอยู่ ห่วงใยประชาชน ไม่อยากให้เขาลำบากเท่านั้นเอง ยังเคารพสถาบันสูงสุดอยู่ตลอดเวลาไม่เปลี่ยนแปลง

สำหรับการเมืองปี 2564 ก็คงไม่ไปไหน จนกว่าข้อเรียกร้อง ของผู้ชุมนุมจะได้รับการแก้ไขในมุมกว้าง และทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งการเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้ก็อยู่ที่ไบเบิลของมันคือรัฐธรรมนูญ

ส่วนข่าวรัฐบาลแห่งชาติหรือรัฐบาลปรองดองนั้น บ้านเรามองทุกอย่างให้เป็นการเมืองหมด ใครอยากปล่อยข่าวอะไรเพื่อเกิดประโยชน์อะไรก็ปล่อย เป็นการเมืองไปหมด การเมืองเยอะไป แต่การบ้านน้อยไป ถ้าการเมืองน้อยกว่านี้แล้วการบ้านมากกว่านี้ ประเทศคงจะดี แม้กระทั่งไปนั่งกินกาแฟตอนเช้าก็ยังคุยแต่เรื่องการเมืองกัน

ท่องเที่ยวเป็นหัวใจสำคัญ

ฝากเรื่องเศรษฐกิจว่าต้องยอมรับว่าประเทศไทย เรื่องการ ท่องเที่ยวเป็นหัวใจสำคัญ ความเป็นคนไทยมีน้ำใจในการต้อนรับและให้บริการคนเป็นอย่างดี คนเลยอยากมาเที่ยวเมืองไทย เมื่อเรามีดีอยู่แล้ว ตรงนี้ควรเป็นเรื่องที่ต้องส่งเสริม

ส่วนเรื่องการส่งออกนั้น ต้องถามว่าส่งออกอะไร ไม่ต้องไปเน้นปริมาณ แต่ต้องเอาคุณภาพ ที่ได้เนื้อๆ บางทีส่งออกได้ไม่กี่บาทที่เหลือเป็นของเขาหมด

ตอนนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนใหม่แล้ว เราต้องมีส่วนเข้าไปในเทคโนโลยีตรงนั้นด้วย โดยเฉพาะการใช้เอไอ เมื่อเรารู้อยู่แล้วก็ต้องเริ่มสอนเด็กให้รู้จักเอไอมากขึ้น เมื่อเราเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนก็ต้องทำให้ชัดเพื่อที่จะรักษารายได้ของประเทศ

บุกยังไม่พอต้องรู้จักตั้งรับด้วย แพลตฟอร์มอันไหนที่เข้ามากินเราเยอะไปแล้วจะจัดการอย่างไร เราจะสร้างแพลตฟอร์มไหนขึ้นไปสู้ การส่งเสริมเด็กๆ สำคัญ วันนี้เขาเรียนรู้ได้เร็ว เขามีข้อมูลเข้าไปในหัวเขามากกว่าคนรุ่นเรา

ชงรัฐบาลฉุดไทยจากหล่ม

สำหรับข้อเสนอถึงรัฐบาลที่จะทำให้ไทยหลุดจากหล่มไปสู่อนาคตนั้น โครงสร้างการบริหารจัดการต้องเป็นโครงสร้างที่ เอื้ออำนวยให้เกิดคนที่มีคุณภาพเข้ามาทำหน้าที่บริหาร ถ้าเป็นระบบการเมืองที่อ่อนแออย่างนี้จะมีโควตา ในโควตานั้นๆ จะมีคนคุมโควตาอยู่ จะกลายเป็นว่าเราไม่สามารถจัดการอะไรได้

สังเกตได้จากสมัยที่พรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะมาก ทำให้เราเลือกคนได้เยอะขึ้น จึงทำให้ได้คนที่สามารถบริหารจัดการได้มาช่วยทำงาน อันนี้อยู่ที่การเมืองไม่ได้อยู่ที่ผม เพราะผมไม่ได้เป็นคนเก่งกาจอะไร แต่เป็นจังหวะที่รัฐธรรมนูญแข็งแรง เราต้องทำให้โครงสร้างทางกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญเอื้ออำนวยให้คนที่มีความรู้ ความสามารถ เข้ามาช่วยบริหารจัดการประเทศ

แล้วต้องสร้างบรรยากาศเศรษฐกิจให้เกิดการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจมากขึ้น มีกิจกรรมที่ทำให้คนสามารถทำมาหากินได้ แล้วค่อยพัฒนาคุณภาพทางเศรษฐกิจให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นต่อไป

จากนั้นขั้นตอนต่อไปคือการปรับโครงสร้าง ทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ให้ช่องว่างทางรายได้ลดลง โดยระยะยาวที่ต้องเริ่มต้นเลยคือเรื่องของระบบการศึกษาในเรื่องของเทคโนโลยีที่ต้องเร่งปรับปรุงโดยด่วน สุดท้ายคือต้องทำทุกเรื่องด้วยความรู้ เท่าทันทุนนิยมโลก และต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยี ที่จะเข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์ให้กับประเทศ

ต้องรู้ทันต่างชาติ

วันนี้เรามีปัญหาเชิงโครงสร้าง เนื่องจากหนี้สาธารณะหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น การกระจายรายได้ยังไม่ดีพอ ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยมีสูง โอกาสสำหรับคนระดับล่างไม่ดีพอ ดังนั้นต้องสร้างโอกาสให้กับคนเหล่านี้ อย่างคนระดับล่างที่ประกอบอาชีพเกษตร ต้องดูแลเรื่องอุตสาหกรรมรายย่อยและกลาง

ดูด้านการศึกษาในระยะยาว เพราะการศึกษาของเราล้าหลัง โลกมีการเปลี่ยนไปเยอะ จำเป็นต้องเตรียมระบบการศึกษารองรับ เพื่อผลิตแรงงานรองรับอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป โครงสร้างทางเศรษฐกิจต้องยกเครื่องใหม่หมด เพราะเป็นโครงสร้างระบบโบราณ ก่อนอนาล็อกด้วยซ้ำ ฉะนั้นต้องรีบปรับโครงสร้างโดยด่วนตั้งแต่ระบบการศึกษา การผลิตแรงงาน

เราต้องรู้เท่าทันต่างประเทศ วันนี้ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ปลาเร็วกินปลาช้า เป็นระบบทุนนิยมธรรมดาที่หนีไม่พ้น วันนี้ต่างประเทศยื่นแขนขาผ่านคำว่าแพลตฟอร์มมาหากินจนถึงบ้านเรา ล้วงทั้งกระเป๋าทั้งข้อมูลเรา วันนี้ถ้าเรารู้ไม่เท่าทันก็จะโดนกิน หรือปลาใหญ่ในกรุงก็จะกินปลาเล็กในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของทุนนิยม แต่จะทำอย่างไรให้เรื่องธรรมดาเหล่านี้มันไม่เอาเปรียบคนด้านล่างจนเกินไป นั่นคือการสร้างความแข็งแรง
เราต้องสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมาโดยให้คนรุ่นใหม่ทำ ถ้าแข็งแรงแล้วก็มีการเจรจาต่อรอง บางทีเราอ่อนแอเกินกว่าจะเจรจา เห็นทุกอย่างเป็นขนมหวาน แต่ที่จริงแล้วเป็นยาพิษ ดังนั้น ต้องสร้างของเราเองให้แข็งแรง นั่นคือ การส่งเสริมการทำแพลตฟอร์มของคนรุ่นใหม่ วันนี้เราไม่สามารถทำการค้าแบบอนาล็อกได้เหมือนเดิมแล้ว

อยากกลับบ้านเลี้ยงหลาน

ยังมีคนในตระกูลชินวัตรที่จะเข้ามาเป็นผู้นำการเมืองอีกหรือไม่? พอก่อน ตอนนี้คงต้องร้องเพลงเจ็บนี้อีกนาน

ถามว่าอยากกลับประเทศหรือไม่ ผมอยากกลับมาเลี้ยงหลานของผม วันนี้ผมมีหลาน 3 คน และกำลังจะมีคนที่ 4 ในเดือนหน้านี้แล้ว ผมแก่แล้วอยากเลี้ยงหลาน ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้ใครอยากจะขอคำปรึกษาหรืออะไรก็ตาม ในฐานะที่ผมเคยเป็นอาจารย์เก่า ผมชอบอธิบายและสอนคนอยู่แล้ว ผมก็สามารถทำหน้าที่พวกนี้ได้

แต่เรื่องการเมืองนั้น ผมแก่แล้ว วัย 72 ปีจะไปนั่งทำการเมืองอะไรอีก มีแต่ห่วงบ้านเมืองเท่านั้นเอง แต่จะกลับเมืองไทยเมื่อไรนั้น ไม่ใช่ผมเป็นคนกำหนด ผมไม่ได้เป็นคนกำหนด

แต่อยากกลับใช่หรือไม่? แน่นอน ผมอยากเลี้ยงหลาน วัยของผมนี้เรียกว่าวัยรักลูกหลงหลาน

อย่าประมาทโรคระบาด

ปีใหม่นี้เป็นปีที่หนักหน่อย เพราะโลกทั้งโลกระบมกับ โรคระบาดนี้ ถึงแม้จะมีวัคซีน แต่คน 100 เปอร์เซ็นต์ก็ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้หมด บางประเทศยังไม่สามารถให้วัคซีนฟรีกับประชาชนได้

โรคทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะ อยากบอกทุกคนว่าอย่าประมาท อยากให้ทุกคนอยู่ให้แข็งแรง ปลอดภัย หมั่นออกกำลัง กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ อย่าการ์ดตก และรีบทำมาหากิน พยายามเรียนรู้ใหม่จากแหล่งความรู้ต่างๆ เพื่อให้ตัวเองปรับตัวทำมาหากินได้

ความอดทนและความพยายามเท่านั้นที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จในโลกใหม่

ขอให้คนไทยทุกคนที่ผมรักและคิดถึงพบสิ่งดีๆ และ พบสิ่งที่เป็นปัจจัยที่จะทำให้ตัวเองทำมาหากินได้ในโลก ยุคใหม่ และอยู่รอดไปกับมันให้ได้ ขอให้ทุกคนแข็งแรง ปลอดภัย และเอาชนะทางเศรษฐกิจได้ทุกคน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน