FootNote:ความคึกคักจาก ทักษิณ ชินวัตร กับความพร้อมของ “เพื่อไทย”
มีการเคลื่อนไหวอย่างคึกคักจากทางด้านของ นายทักษิณ ชินวัตร ถี่ขึ้นเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวจากเมืองไทยกลายเป็นข่าวพาดหัวหน้า 1 อึกทึกครึกโครม
หากล่าสุดยังให้สัมภาษณ์เกือบ 1 ชั่วโมง กับสำนักข่าวออนไลน์แห่งหนึ่ง ลงลึกถึงสถานการณ์ตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 2549
รายละเอียดส่วนหนึ่งเหมือนกับเป็นการวิเคราะห์”ตัวเอง”
ไม่ว่าในกรณีที่บริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่หลังเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544 กระทั่งถูกต่อต้านโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กระทั่งเกิดรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
ไม่ว่าในกรณีที่เอ่ยถึงความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ โดยมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นตัวชู ไม่ว่าในกรณีการลุกขึ้นมาของนักเรียน นิสิต นักศึกษา นับแต่กลางปี 2563 เป็นต้นมา
พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่า หากมีการเลือกตั้งอีกพรรคเพื่อไทยก็จะได้รับเลือกเป็นพรรคอันดับ 1
เป็นความมั่นใจจากพรรคไทยรักไทยมายังพรรคเพื่อไทย
จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 เด่นชัดเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย มีโอกาสน้อยมากที่จะทะยานขึ้นมาเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้
ยิ่งพรรคพลังประชารัฐ โอกาสที่จะก้าวเดินไปแบบเดียวกับพรรคสามัคคีธรรมมีความเป็นไปได้สูงยิ่ง
ทำไม นายทักษิณ ชินวัตร จะมองพรรคภูมิใจไทย จะมองพรรคพลังประชารัฐไม่ออก เพราะว่าคนสำคัญไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐล้วนไปจากพรรคไทยรักไทย
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เมื่อผ่านสถานการณ์รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 สถานการณ์รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มา ก็ยากที่จะพลิกฟื้นขึ้นมาได้
ส่วนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ ไปอยู่พรรครวมพลังประชาชาติไทยก็เด่นชัดว่าจะเป็นอย่างไร
ที่เหลืออยู่ก็หวังพึ่งบารมี นายชวน หลีกภัย สถานเดียว
หากดูจากสภาพการณ์ที่พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ กำลังประสบโดยเฉพาะจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม นายทักษิณ ชินวัตร จึงมีความคึกคักและแววตาเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งอย่างเด่นชัด
คำถามอยู่ที่ว่าพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมแค่ไหน เพียงไร
คำถามอยู่ที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะปรับรับกับสถานการณ์ใหม่ แนวโน้มใหม่ทางการเมืองได้แค่ไหน เพียงไร