FootNote:สถานะการเมืองของเพื่อไทย รักษาสถานะผู้นำ”ฝ่ายค้าน”

ทั้งๆที่กรณียื่นถอดถอน นายสิระ เจนจาคะ ออกจากสมาชิกภาพแห่งส.ส. เป็นเรื่องของพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งเด่นชัดยิ่งว่าคนที่อยู่ในฐานะเป็นจำเลยคือ นายสิระ เจนจาคะ

แล้วเหตุใดเสนอไปเสนอมากลับกลายเป็นว่าพรรคเพื่อไทยต้องตกอยู่ในฐานะ “จำเลย”

คำตอบที่ตรงเป้าหมายอย่างที่สุดเพราะปรากฏว่ามี ส.ส.พรรคเพื่อไทย 2 คนถอนชื่อออก และส่งผลทำให้ญัตติซึ่งเสนอไปยังศาลรัฐธรรมนูญมีอันต้องตกไป โดยไม่มีการพิจารณา

ส่งผลให้ นายสิระ เจนจาคะ ไม่เพียงแต่มิได้ตกอยู่ในฐานะเป็นจำเลย หากที่สำคัญยังสามารถยิ้มระรื่น เหมือนเป็นการหยามหยันไปทั้งต่อพรรคเสรีรวมไทยและพรรคเพื่อไทย

ประเด็นของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจึงกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในทางการเมือง สะท้อนให้เห็นไม่เพียงแต่บทบาทของ”งูเห่า” หากแต่ยังยืนยันถึงความหละหลวมในเชิงการบริหาร

ท่ามกลางกระแสเรียกร้องหนาหูขึ้นเป็นลำดับ ว่าจำเป็นต้องมีการปรับ จำเป็นต้องมีการปฏิรูปภายในพรรค

ข้ออ้างหนึ่งของ ส.ส.ที่ถอนชื่อออกก็คือ พรรคมิได้มีมติอย่างเด่นชัดว่าจะเอาอย่างไรในเรื่องนี้ แม้มิได้สกัดขัดขวาง แต่ผู้บริหารพรรคก็ไม่เคยหยิบยกมาพิจารณาหรือสรุปอย่างเป็นทางการ

ประกอบกับภายในพรรคเองก็มีความไม่มั่นใจว่า เหตุนี้จะนำไปสู่การฟ้องร้องและก่อให้เกิดการยุบพรรคหรือไม่

ขณะเดียวกัน รูปธรรมหนึ่งก็คือภายในพรรคยังมี ส.ส.บางคนให้คำปรึกษา และเสนอแนะในเชิงที่ว่าไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เกรงว่าอาจจะเป็นอันตรายในทางการเมือง

เพียงแค่นี้ก็เห็นอย่างเด่นชัดแล้วว่า ภายในพรรคสับสนและปั่นป่วนเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้เกิดช่องว่างระหว่างฝ่ายนำกับบรรดาส.ส.โดยทั่วไป

เมื่อมีบางคนออกมา”ปั่น”สถานการณ์ก็ยิ่งรวนเร ระส่ำระสาย

ระส่ำระสายกระทั่งแม้จะอยู่ในสถานะอันเป็น”ผู้นำฝ่ายค้าน” แต่กลับถูกตั้งข้อสงสัยและไม่แน่ใจในการนำ

ถูกต้องแล้วที่พรรคเพื่อไทยประกาศจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง ถูกต้องแล้วที่พรรคเพื่อไทยมีการจัดตั้งคณะกรรมการ ขณะเดียวกันก็ตระเตรียมในเรื่องการจัดระบบ

นั่นก็คือระบบที่จะทำให้พรรคเพื่อไทย มีความกระฉับกระเฉงในท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์มากยิ่งขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน