คอลัมน์ ใบตองแห้ง

24 มีนาเขย่าโลกเก่า – #ม็อบ24มีนา ณ ราษฎร์ประสงค์ มีคนเข้าร่วมมากกว่าทุกครั้งนับจากต้นปี ทรงพลังตั้งแต่การแสดงออกของมวลชน ไปจนการปราศรัยบนเวที โดยเฉพาะคำปราศรัยของ “มายด์ ภัสราวลี” ที่สะกดคนฟังเงียบกริบ ทั้งในที่ชุมนุมและที่ดูไลฟ์สดทั่วประเทศ

แน่ละ ไม่มีรายงานข่าวในสื่อกระแสหลัก แต่นี่โลกยุคไหนแล้ว คืนเดียวมีคนดูคลิปเป็นล้านครั้ง หมอวรงค์ยังได้ดู กระทั่งออกมาโต้

ประยุทธ์ก็คงได้ดู จึงหงุดหงิดโวยวายสาปแช่ง แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ มีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง ใครไปม็อบระวังเอาโควิดมาติดคนที่บ้าน

ม็อบ 24 มีนา ยังยืนหยัดข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ในสถานการณ์ที่มองกันว่าม็อบแผ่ว จนบางฝ่ายให้ลดข้อเรียกร้อง แต่ม็อบ REDEM 3 ครั้งก่อนหน้านี้ พิสูจน์ให้เห็นว่า การกำหนดเป้าหมายที่ “กล้าท้าทาย” เรียกคนรุ่นใหม่ได้เสมอ ดีกว่าชวนไปม็อบนั่งฟังประเด็นปัญหาสารพัดแบบ NGO ขี้เกียจฟัง เพราะคนรุ่นใหม่ทะลุเพดานไปแล้ว

เพียงแต่ม็อบ REDEM ไม่มีแกนนำ ไม่มีออร์แกไนซ์ เมื่อตำรวจใช้กำลังปราบปราม โดยธรรมชาติก็จะมีคนตอบโต้ จนเหตุการณ์บานปลาย ครั้งนี้ พอแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ประกาศม็อบอยู่กับที่ มีแกนนำ มีสต๊าฟดูแลความปลอดภัย โดยยังคงประเด็น “ท้าทาย” ก็เลยมีคนมาคึกคัก

กระนั้น อีกด้านหนึ่งที่คนมามาก ก็เพราะไม่พอใจการใช้ความรุนแรงสลายม็อบ 20 มีนาของตำรวจ ซึ่งกระทั่งผู้สื่อข่าวยังถูกยิงด้วยกระสุนยางเข้าไอซียู แม้องค์กรสื่อไม่ประณาม แต่โลกยุคนี้ใครสนใจสื่อกระแสหลัก ภาพ คฝ.รุมตีผู้ชุมนุม ภาพเด็กมัธยมจะขอกลับบ้านถูกระดมยิงด้วยกระสุนยาง แพร่ไปทั่วโลกออนไลน์พร้อมคำสาปแช่ง

ขนาด กสม.ก็เกือบได้ยกเกรด เป็นพระเอกนางเอกทันใด เมื่อท้วงติงการใช้กระสุนยางจน สิระ เจนจาคะ ยุให้ยุบ








Advertisement

ม็อบแผ่วจริงหรือ คนเข้าร่วมอาจน้อยลง แต่คนที่เคยไปม็อบ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ Gen-Y Gen-Z ไม่ได้เปลี่ยนความคิด เพียงแต่เมื่อเรียกร้องไปจนสุดแล้วชนตึก อำนาจใหญ่โตมหึมาไม่ยอมเปลี่ยนอะไรเลย ก็อยู่ระหว่างคิดใคร่ครวญ มีทั้งคิดว่าจะสู้อย่างไรให้บรรลุผล มีทั้งท้อ เช่นคนที่มีความรู้ความสามารถไปทำงานเมืองนอกได้ก็ไม่อยากอยู่เสียภาษีให้อำนาจนี้

แล้วผู้มีอำนาจก็ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ จับกุมคุมขัง ใช้กำลังไล่ทุบม็อบ ไม่ได้คิดเอาชนะใจ คิดแค่ใช้อำนาจบังคับให้จำนน ให้ทนอยู่อย่างไม่พอใจแต่ไม่กล้าด่า ขณะเดียวกันก็ปิดประตูแก้ปัญหาในระบบ คว่ำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แถมประยุทธ์เย้ย ไม่อยากให้สืบทอดอำนาจ แก้รัฐธรรมนูญให้ได้ก็แล้วกัน

ระบอบอำนาจแบบนี้อยู่ได้อย่างไรกัน อยู่ได้ด้วยทหารตำรวจตุลาการ อยู่ได้ด้วยนักการเมืองสามานย์ผลประโยชน์ต่างตอบแทน อยู่ได้ด้วยการปลุกพลังมวลชนสุดโต่งหยิบมือ แล้วหวังว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมจะใช้ชีวิตอย่างมองไม่เห็น elephant in the room ทำมาหากิน เอาตัวรอด ส่งลูกเรียน พอลูกโตมาเป็น Redem ก็ส่งไปเรียนเมืองนอก

อยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งความชอบธรรม ความเคารพศรัทธา?

คนรุ่นใหม่สู้ไม่ได้หรอก แต่ไม่ยอมแพ้ อย่างเพนกวินแถลงประท้วงความอยุติธรรมอย่างอาจหาญไม่กลัวละเมิดอำนาจศาล อย่างมายด์ ขึ้นเวทีปราศรัยครั้งประวัติศาสตร์แม้อาจเป็นการปราศรัยครั้งสุดท้ายหากอัยการสั่งฟ้องแล้วไม่ได้ประกันตัว

แต่สิ่งที่พวกเขาประกาศคือ “สวัสดี เรามาจากโลกอนาคต” เหมือนที่เย้ยผลงานศิลปะของผู้ช่วยคณบดีวิจิตรศิลป์ เมื่อปี 2557 อนาคตเป็นของพวกเขา ใครไม่ปรับตัวก็พินาศ อย่าหวังว่าเพนกวิน ไผ่ รุ้ง มายด์ จะแก่ไปเป็น อ.เอนกหรือหมอพลเดช

พูดอย่างนี้ไม่ใช่ต้องรอนานถึงปานนั้น ระบอบอำนาจใหญ่โตแต่ก็เปราะบาง รัฐราชการเป็นใหญ่ไม่ใช่เสียความเชื่อถือแค่ตำรวจหรือกระบวนการยุติธรรม ศุลกากรยังเจอ #หรือซ่องโจร นี่คือโลก disruption ที่อำนาจล้าหลังกำลังพังทุกด้าน

อันที่จริง ม็อบ 24 มีนาไม่ได้พูดกับคนรุ่นใหม่ฝ่ายเดียว หากยังส่งสารถึงฝ่ายอนุรักษนิยม ว่าพวกคุณยังจมอยู่อดีต ทั้งที่ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว

ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดจากคนรุ่นใหม่ แต่เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่เห็น ขณะที่พวกคุณไม่เห็นหรือแกล้งทำเป็นไม่เห็น แล้วกลับมาโทษคนรุ่นใหม่เป็นตัวปัญหา ให้ร้ายป้ายสีด่าทอ

คนรุ่นใหม่ไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกคนชั้นกลางในเมืองที่ไม่ใช่ไพร่แดง พวกเขาเติบโตมาในค่านิยมศีลธรรมความเป็นคนดีที่พ่อแม่พร่ำสอน แล้วรับไม่ได้กับสิ่งที่เห็นตำตา ขณะที่พ่อแม่ได้แต่ก้มหน้า แชร์ภาพเก่า

ฝ่ายอนุรักษ์ที่พอมีสติยังมีไหม พร้อมจะช่วยโน้มน้าวให้เกิด Compromise ไหม หรือจะปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ แล้วประยุทธ์ก็เหิมเกริมจนทุกอย่างล่มสลาย

นั่นคือคำถามข้อใหญ่จากม็อบ 24 มีนา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน