FootNote : ภาพมวลชน ชู 3 นิ้ว รอการจับ สะท้อนนัยต้านทางการเมือง
ถามว่าเป้าหมายของรัฐบาลในการรุกไล่จับกุม นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และคณะ กระทั่งนำไปสู่การคุมขัง ทั้งๆที่ยังไม่มีคำพิพากษาคืออะไร
คำตอบเด่นชัดอย่างยิ่งว่า เพื่อให้เกิดความกลัว เพราะเท่ากับเป็นการกำราบคนอื่นๆ ที่ร่วมเคลื่อนไหวให้เกิดภาวะถดถอย
การจับกุม นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และคณะอย่างต่อเนื่องยังไม่เพียงพอ ระยะนับแต่เกิดสถานการณ์ #ม็อบ28กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา จนถึงสถานการณ์ #ม็อบ20มีนาคม
ปฏิบัติการเข้าสลายและจัดการกับการชุมนุมเต็มไปด้วยความ รุนแรงแข็งกร้าว มีการนำเอายุทโธปกรณ์ที่ตระเตรียมไม่ว่าแก๊สน้ำตา กระสุนยาง ออกมาใช้ครบครัน
เมื่อรวมเอามาตรการจับกุมประสานเข้ากับมาตรการสลายการชุมนุมนับแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ กระทั่งเดือนมีนาคมเข้ามาผนวก รวมจึงเด่นชัดว่าอำนาจรัฐต้องการสร้างความกลัวให้บังเกิด
คำถามอันตามมาโดยฉับพลันทันใดจากการชุมนุมในเดือนมีนาคมก็คือ มีความหวาดกลัว มีสภาวะถดถอยบังเกิดหรือไม่
หากประเมินจากสถานการณ์ #ม็อบ6มีนาคม สถานการณ์ #ม็อบ20มีนาคม กระทั่งสถานการณ์ #ม็อบ24มีนาคม ก็เด่นชัดอย่างที่สุดว่ามวลชนที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวไม่กลัว
Advertisement
ตรงกันข้าม เมื่อกระแสเรียกร้องจาก REDEM ซึ่งเด่นชัดว่าไม่มีแกนนำ ไม่มีการ์ด คนกลับเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ยิ่งกว่านั้น ในการนัดหมายของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ณ แยกราชประสงค์ เมื่อตอนค่ำของวันที่ 24 มีนาคม ความคึกคักที่เคยเห็นเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ก็หวนกลับมา
และเมื่อหน่วยควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้รับคำสั่งให้สลายการชุมนุม “หมู่บ้านทะลุฟ้า” ในตอนเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม จับกุมไปเป็นจำนวนมาก
ในตอนเย็นของวันเดียวกันนั้นก็มีการนัดหมายชุมนุมขึ้นอีก
คราวนี้เมื่อหน่วยควบคุมฝูงชน(คฝ.) เดินแถวเคาะโล่เข้ามาพวกเขากลับนอนชู 3 นิ้วรอคอยให้รวบตัวอย่างเยือกเย็น
ถามว่าการตอบโต้จากผู้ชุมนุมอย่างที่เห็นกันใน “หมู่บ้านทะลุฟ้า” บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล สะท้อนนัยยะอะไรอันเด่นชัดในทางการเมือง
ตอบได้เลยว่าเป็นนัยยะอันยืนยันความไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ณ เบื้องหน้ามาตรการเข้มจากกลไกอำนาจรัฐ