FootNote อารมณ์ “ร่วม” สถานการณ์ “โควิด” กระแส ไม่เอา ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เวที “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทยใหม่”กำลังสร้าง ปรากฏการณ์ใหม่ให้ได้เห็น ให้ได้สัมผัสและรับรู้ แพร่พระจายขยายวงอย่างชนิดเหลือเชื่อ
ไม่เพียงแต่จะปรากฏเงาร่างของ นายไพศาล พืชมงคล ออกมาวิพากษ์ ณ เบื้องหน้าการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด
หากยังได้ยินเสียงของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จากพรรคเพื่อไทย ตามมาด้วย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นักเฝ้ามองทางเศรษฐกิจจากพรรคเพื่อไทย
ยิ่งกว่านั้น ยังปรากฏตัวเป็นเป็นของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล ร่ายเรียงเรื่องการจัดการเกี่ยวกับ”วัคซีน”ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้แขกรับเชิญจากพรรคเสรีรวมไทย คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช รวมถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ พรรคประชาชาติอีกด้วย
เท่ากับเวทีที่ตระเตรียมโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้รับการมาเยือนอย่างอบอุ่นจาก 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยความคึกคัและเข้มข้นเป็นลำดับ
มีข้อน่าสังเกตว่าการดำรงอยู่ของ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นการดำรง อยู่อย่างประสานกับการมาเยือนของ นายวีระ สมความคิด การมาเยือนของ นายการุณ ไสยงาม อันถือได้ว่าเป็น”พันธมิตร”
เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเช่นเดียวกับในกรณีของ นายไพศาล พืชมงคล
ขณะเดียวกัน หากใครติดตามบทบาทของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ระยะนับแต่เกิดสถานการณ์บ่อนที่ระยอง เกิดสถานการณ์ไทยคู่ฟ้าคลับจากดิเอ็มเมอรัลด์
รวมถึงการกระชับอำนาจล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะสัมผัสได้จากบทบาทในการทะลวงลึกลงไปของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงขนาดหยิบเอา”ผนงรจตกม”ขึ้นมาเป็นประเด็น
ไม่ว่าปลายหอก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่ว่าปลายหอก นายสนธิ ลิ้มทองกุล ล้วนมียอดอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเป้า
เด่นชัดมากยิ่งขึ้นว่ากรณีของโควิดได้สร้างเอกภาพในทางความคิดให้เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าคนที่เคยสวมเสื้อคนละสี ไม่ว่าคนที่เคยยืนอยู่คนละฟาก
กลายมาเป็นสวมเสื้อเดียวกัน ยืนอยู่ในแถวเดียวกัน ร้องประสานการปฏิเสธไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นี่คือ “กระแส” นี่คือ อารมณ์”ร่วม”ของสังคมไทย
