คลัสเตอร์โควิดเรือนจำ – การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่เดือนเมษายน มีจำนวนผู้ติดเชื้อแล้วเป็นตัวเลขเกือบถึง 1 แสนราย และมีแต่จะไต่ระดับสู่ความรุนแรงเรื่อยๆ

ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย ขณะนี้เกิน 500 รายแล้ว และผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีกว่า 1,200 ราย ในจำนวนนี้ต้องใส่ท่อช่วยหายใจเกือบ 500 ราย

ขณะที่การบริหารจัดการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ โดยรวมศูนย์กลางการควบคุมไว้เบ็ดเสร็จ เหมือนจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

การจัดซื้อจัดหาวัคซีน ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ และการสื่อสารกับประชาชนยังถือว่ามีปัญหา

ขณะนี้มีคลัสเตอร์ใหญ่ที่น่ากังวลว่าจะควบคุม จำกัดวงไม่ได้ อยู่หลายพื้นที่ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดใหญ่ๆ บางแห่งที่เริ่มบานปลายใหญ่แล้ว

กรณีเรือนจำในกรุงเทพมหานคร ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง กรมราชทัณฑ์เปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้อแล้วในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 1,794 ราย ทัณฑสถานหญิงกลาง 1,039 ราย รวมทั้งสิ้นในขณะนี้ 2,835 ราย

ในจำนวนนี้ พบว่ามีผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ป่วยติดเชื้ออยู่ด้วย โดยเฉพาะผู้ต้องขังในคดีทางการเมือง ในความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง

ทั้งที่ได้ประกันตัวออกมาแล้วและป่วยระหว่างถูกกักขัง

สำหรับเรือนจำนั้น ถือว่าเป็นสถานที่ปิด แออัด ที่ผ่านมาก็มีความเข้มงวด ห้ามการเยี่ยมญาติอย่างเด็ดขาด ผู้ต้องขังแดนแรกรับต้องถูกกักตัวในสถานที่ควบคุมโรคเพื่อสังเกตอาการ

ผู้ต้องขังที่ถูกเบิกตัวนำออกไปข้างนอก ทั้งการไต่สวน พิจารณาคดีในชั้นศาล จะต้องทำตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขและกรมราชทัณฑ์

ในส่วนของผู้ต้องขังหรือผู้ต้องราชทัณฑ์คดีอื่นๆ นั้น บุคคลภายนอกยากที่จะรู้ข่าวคราวความเป็นอยู่และเป็นไปอยู่แล้ว แต่กรณีของผู้ต้องหาคดีการเมืองดูเหมือนจะทำให้เรื่องที่ปิดลับเปิดเผยออกมา

การระบาดใหญ่ในเรือนจำที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากเช่นนี้ จึงต้องรีบสกัดกั้น จำกัดวง รวมถึงต้องไม่ปกปิดข้อมูล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน