FootNote : เสียงรถเสียงแตรมุ่งสู่ “กรุงโรม” เป้าหมายสู่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กระหึ่มแห่ง “คาร์ม็อบ” ก้องกังวานประสานเข้ากับการปล่อยข่าวในเรื่องของการปฏิวัติรัฐประหารตามมาอย่างร้อนแรง
เหมือนกับจะปรากฏความหงุดหงิดจาก “กองทัพ”
เห็นได้จากแถลงของโฆษกกระทรวงกลาโหม เห็นได้จากคำบัญชาของผู้บัญชาการทหารบกส่งคนไปแจ้งความและตามมาด้วยการขานรับจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างทันควัน
ขณะเดียวกัน สำทับอันดังมาจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลคือการป้องปราม “คาร์ม็อบ” ว่าเป็นการเคลื่อนไหวผิดพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน
พร้อมกับปรากฏรถบรรทุก “ตู้คอนเทนเนอร์” เข้ามาจำนวนมากกลางดึกของคืนวันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม และการส่งกำลังตำรวจทหารเข้ายึดรถเครื่องเสียงจากคณะราษฎรนครปฐม
ทุกกลไกล้วนมีเป้าเพื่อ “สยบ” การขับเคลื่อนของ “คาร์ม็อบ”
ขณะที่ไม่ว่าจะเป็น นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ไม่ว่าจะเป็น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ล้วนตระหนักต่อแต่ละกระบวนการล่วงหน้า
การแยกแตกกระจายแต่ละ “ขบวน” จึงปะทุขึ้นเพื่อรับมือ
ในเมื่อนี่เป็นปฐมฤกษ์เบิกโรงแห่งความร่วมมือร่วมใจระหว่าง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ กับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โดยมี “คณะราษฎร” เป็นฐานอันทรงความหมาย
มีหรือที่ประสบการณ์และความจัดเจนระดับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ จะดำรงอยู่อย่างว่างเปล่า
ขอให้ดูสโลแกนอันออกมาจาก นายสมบุญ บุญงามอนงค์ ที่ยืนยันอย่างหนักแน่น “ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม” เมื่อวางเรียงเคียงกับ “เครือข่ายไล่ประยุทธ์” หรือ “อหต.” ก็มีความแจ่มชัด
ยิ่งเมื่อ “คณะราษฎร” ไปปักหลักอยู่ ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดย “คณะเสรีเทยพลัส” และ “ศิลปินปลดแอก” จะเคลื่อนจากสีลม
ภาพแห่ง “กรุงโรม” กลับเครือข่าย “อหต.” ก็มิได้เป็น “ความลับ”
นี่คือการประสานการเคลื่อนไหวทั้งในขอบเขตทั่วประเทศ และในใจกลางกลไกแห่งอำนาจของมหานครกรุงเทพฯ เข้าเป็นเนื้อเดียวกันโดยมี “คาร์ม็อบ” เป็นตัวแทนในการส่งเสียง
ส่งเสียงผ่านเครื่องยนต์และการบีบแตรดังกึกก้องกังวาน
จากเหนือสุดเชียงใหม่มายังใต้สุดยะลา จากขอนแก่น ชัยภูมิ เรื่อยมาจนถึง พระนครศรีอยุธยา นครปฐมและกาญจนบุรี
จิตหนึ่งใจเดียวเพื่อไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป