FootNote สถานการณ์ใหม่ วิถีชุมนุมมวลชน กับ การปรากฏ #ม็อบ15สิงหาคม
เด่นชัดว่าเส้นทาง 3 สายของ “คาร์ปาร์ค” ในวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม โดยการวางแผนร่วมระหว่าง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ กับ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ไม่มีการไปเยือนกรมทหารราบที่ 1
กรมทหารราบที่ 1 มหาเล็กราชวัลลภ อันเป็นประตูไปสู่บ้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ไม่ว่าจะเป็นคาร์ม็อบอันมีจุดตั้งต้น ณ แยกราชประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นคาร์ม็อบอันมีจุดตั้งต้น ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นคาร์ม็อบอันมีจุดตั้งต้น ณ พระนครศรีอยุธยา
โดยที่มาจากพระนครศรีอยุธยาเป้าหมายอาจจะเป็นบนถนนวิภาวดี รังสิต แต่ยุติที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว โดยที่จากอนุสาวรีย์ ประชาธิปไตยและแยกราชประสงค์ก็มีเส้นทางที่แน่นอน
เท่ากับว่าทั้ง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ทั้ง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ได้ตัดเป้าหมายหน้ากรมทหารราบที่ 1 ออกไปอย่างสิ้นเชิง
เท่ากับเป็นการตัดปัจจัยและเงื่อนไขแห่งความร้อนแรง
ในเมื่อมิได้มีเป้าหมายไปเยือนหน้ากรมทหารราบที่ 1 ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่หน่วยควบคุมฝูงชน (คฝ.) จะออกโรง
ประเด็นอันเป็นคำถามไปยัง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ และ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ก็คือ สถานการณ์#ม็อบ1สิงหาคม และสถานการณ์ #ม็อบ10สิงหาคม ก็มีความเด่นชัด
เป็นความเด่นชัดที่มิได้ต้องการปะทะ เป็นความเด่นชัดในแนวทางสันติอหิงสา
เพียงแต่เป็นสถานการณ์อันปะทุขึ้นหลังยุติการชุมนุม
นั่นก็คือ ภายหลังยุติการชุมนุมแล้วอย่างเป็นทางการปรากฏว่ามีมวลชนจำนวนหนึ่งต้องการไปเยือนพื้นที่บริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 และนำไปสู่การไม่ยินยอมให้ไปเยือน
คำถามก็คือ หากสถานการณ์ใน #ม็อบ15สิงหาคม เกิดขึ้น โดยที่เป็นมวลชนเดินทางไปเองจะอธิบายสถานการณ์อย่างไร
หากใครติดตามอุณหภูมิแห่งความรู้สึกของมวลชนส่วนหนึ่งนับแต่สถานการณ์#ม็อบ1สิงหาคม ต่อเนื่องมายังสถานการณ์#ม็อบ13สิง หาคมก็จะเห็นได้ว่าดำเนินไปในแบบเดียวกัน
นั่นก็คือ เป็นสถานการณ์ภายหลังคำประกาศยุติการชุมนุม
นั่นก็คือ มีมวลชนจำนวนหนึ่งมีความต้องการเพียงแหย่และหยั่งว่าจะสามารถไปเยือนหน้ากรมทหารราบที่ 1 ได้หรือไม่
แม้ว่าคำตอบจะแจ่มชัดยิ่งว่านั่นคือชนวนแห่งการไม่ยินยอม