FootNote ระเบิด”เวลา” ธรรมนัส พรหมเผ่า ในมือแกร่ง ประวิตร วงษ์สุวรรณ
แม้พลานุภาพในมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จะยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ส่งผลให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี
กระนั้น ก็ยังเกิดสภาพการณ์อย่างที่เรียกว่า “อาฟเตอร์ช็อค”ใน ทางการเมืองตามมาระลอกแล้วระลอกเล่า
ระลอกแรกสุด คือใบลาออกของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่แม้จะจัดร่างและปล่อยออกมาอย่างรีบร้อน ลุกลน แต่ก็เสนอคำถามว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ระแคะระคายมาได้อย่างไร
คำถามนี้ทางด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำเป็นต้องมี การตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพราะเป็นชั้นของความลับที่แวดล้อมอยู่โดยรอบภายในทำเนียบรัฐบาล
ระลอกต่อมาเป็นความต่อเนื่องภายหลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้”รับทราบ”หลังทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เป็นการรับทราบเพื่อให้”จัดการ”ภายในพรรคพลังประชารัฐ
ปมเงื่อนอยู่ที่ “วิธีวิทยา” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการรวบรัดสะบัดพลต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
วิธีวิทยาในการจัดการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยอาศัยอำ นาจตามมาตรา 17 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่มีอยู่ใน มือของนายกรัฐมนตรี
หากมองจากจุดแห่ง”รองนายกรัฐมนตรี” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ วรรณ สามารถยอมรับได้
ขณะเดียวกัน หากมองจากจุดแห่งความเป็นพี่เป็นน้องที่สัมพันธ์กันใน”กลุ่ม 3 ป.”ก็สามารถกล้ำกลืนยอมรับได้ แต่เมื่อมอง จากพื้นฐานแห่งพรรคพลังประชารัฐอาจไม่ง่ายดายนัก
ทั้งหมดก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจของนายกรัฐ มนตรีไปจัดการกับรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐโดยมิได้ปรึกษา
ไม่ว่า “หัวหน้าพรรค” ไม่ว่า”เลขาธิการพรรค”มาก่อน
การจัดการต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคและมีส่วนในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของคณะกรรมการบริหารพรรคขึ้น ใหม่ต่อจากยุค นายอนุชา นาคาศัย
จึงมิได้หักหาญเพียง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้เดียวเท่านั้น
ความละเอียดอ่อนเช่นนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นหัว หน้าพรรครับรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
จะหักหาญกันด้วย”คำสั่ง”อย่างเดียวไม่น่าจะเป็นไปได้
