คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
โปรดทบทวน
สถานการณ์ความรุนแรงช่วงค่ำคืนบริเวณแยกดินแดงยังคงดำเนินมาต่อเนื่อง หลังจากเจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการที่แข็งกร้าวมากขึ้น จับกุมผู้ประท้วงมากขึ้น
จนน่าสงสัยว่ามีการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างไร ยังคิดว่าวิธีการที่ทำอยู่ดีแล้วจริงๆ หรือไม่
การใช้ความรุนแรงผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่ การกวาดจับดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุม ช่วยลดการเผชิญหน้าลงหรือไม่ รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้เพียงใด หรือช่วยให้ทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมประท้วงและฝ่ายเจ้าหน้าที่บาดเจ็บน้อยลงหรือไม่
สรุปแล้วการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมาเพียงทำไปใต้ขอบเขตอำนาจโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง
ตัวอย่างการใช้ความรุนแรงสยบฝ่ายตรงข้ามมีให้เห็นมาตลอด ทั้งเหตุการณ์ในประเทศอย่างสถานการณ์ที่ภาคใต้ และทั้งเหตุการณ์ในต่างประเทศที่มีการปราบปราม ผู้ต่อต้านไปจนถึงสงคราม
ทุกเหตุการณ์ที่เป็นตัวอย่างของการยุติการเผชิญหน้าล้วนผ่านการเจรจาพูดคุย ทำความเข้าใจ ไม่ใช่เดินหน้าปราบปรามที่ไร้เป้าหมาย
กรณีสงครามอัฟกานิสถานเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าการปล่อยให้ศึกยืดเยื้อยาวนานถึง 20 ปีโดยคำนึงแต่ชัยชนะที่ไม่มีสันติภาพ ทำให้เกิดความสูญเสียแก่ทุกฝ่าย
เช่นเดียวกับสถานการณ์ไฟใต้ที่ยังจบไม่ลง เพราะรัฐคิดเพียงว่าจะควบคุมทุกอย่างได้ในที่สุด ทั้งที่วันนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นหากไม่มีการเจรจา
ความพยายามล่าสุดของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องการยึดคืนพื้นที่บริเวณแยกดินแดง ทั้งการใช้กำลังที่เข้มข้น และการกวาดจับผู้ชุมนุมจำนวนมาก แสดงให้เห็นแล้วว่ายังไม่เป็นผล
รถของตำรวจที่วิ่งชนมอเตอร์ไซค์เด็กวัย 14 ปี จากความกลัวที่จะถูกผู้ชุมนุมทำร้าย บ่งบอกถึงความหวาดระแวงระหว่างกัน และน่าวิตกสำหรับการเผชิญหน้าครั้งต่อๆ ไป
ส่วนเสียงของชาวบ้านในพื้นที่ที่วิงวอนขอร้องให้เจ้าหน้าที่ทบทวนวิธีการรับมือ ผู้ประท้วง เพื่อหลี
เลี่ยงความเสียหายกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ตอกย้ำว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเก็บไปคิด
และต้องคิดเปลี่ยนแปลงให้มีเป้าหมายสันติ