คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
คุมต่อ – มติเห็นชอบจากที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 15/2564 ขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรถึง 30 พ.ย. 2564 มีพร้อมๆ กับที่ตำรวจแถลงว่า จะพยายามควบคุมสถานการณ์ที่บริเวณแยกดินแดงให้จบลงโดยเร็วที่สุดภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้
แม้สองเรื่องอาจไม่ได้ส่งผลทางตรงต่อกัน แต่ผลทางอ้อมได้แสดงให้เห็นว่าการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ใช้ควบคุมโรคระบาดโควิด-19 มีผลต่อการจำกัดความเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งหมด
หากการขยายเวลานี้จะต่อไปถึงสิ้นปี 2564 ก็อาจไม่เป็นที่ประหลาดใจใดๆ
เพราะตราบใดที่โรคโควิด-19 ยังระบาดอยู่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลเลือกใช้เสมอ
ผลจากการใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินช่วยควบคุมโรคระบาดได้มากเพียงใด เป็นเรื่องที่บอกได้ยากกว่าอัตราการฉีดวัคซีน
ปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน และผู้เสียชีวิตรายวันจากโรคโควิด-19 ลดลง หลังการฉีดวัคซีนขยายสู่ประชาชนมากขึ้น นอกจากส่งผลดีด้านสาธารณสุขแล้ว ยังช่วยผ่อนคลายมาตรการที่มีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ
แต่สถานการณ์ไม่มีแนวโน้มพลิกฟื้นในเวลารวดเร็ว เนื่องจากอัตราส่วนการฉีดวัคซีนประชาชนครบโดสยังไม่ถึงร้อยละ 30
ส่วนการฉีดวัคซีนได้เกิน 1 ล้านคนยังมีวันเดียว และลดลงเหลือหลักแสนในวันต่อมา นอกจากนี้ยังเกิดอุทกภัยที่เป็นอุปสรรคต่อกำหนดการฉีดวัคซีน
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ความตั้งใจที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจเช่นโครงการแซนด์บ็อกซ์ในหลายพื้นที่ยังติดขัดและต้องเลื่อนออกไปก่อน
สถานการณ์ของประเทศขณะนี้จึงอยู่ในช่วงที่เหมือนกล้าๆ กลัวๆ และขยับเขยื้อนลำบาก
ไม่เพียงกลัวว่าโรคจะระบาดอย่างกว้างขวางอีก แต่การชุมนุมเต็มรูปแบบภายใต้กรอบประชาธิปไตยก็พร้อมจะกลับมาอีก
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังมีประโยชน์สำหรับการควบคุมโควิด-19 ได้มากเพียงใด ยากที่จะชี้ชัด แต่ที่ชัดเจนกว่าคือการควบคุมการชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมือง
หลังจากหลายเดือนมานี้ ทุกกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกจับดำเนินคดีเพราะฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน