FootNote “ข่าวลือ” ปรับครม. ยุบสภา วนรอบ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ทำไมการออกมายืนยันว่า “ไม่มีการปรับครม.” ไม่ว่าจะมาจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจากปาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงได้รับความเชื่อถือน้อยมาก
อาจเพราะว่าท่วงท่าอาการในการปฏิเสธเช่นนี้ของทหารที่มาเล่นการเมืองมิได้เป็นไปตามที่ปฏิเสธ
ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าอาการของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าอาการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2557
และที่เลวร้ายอย่างถึงที่สุดก็เมื่อทั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ล้วนออกมายอมรับว่าเป็นท่วงท่าอาการในแบบ “ลับ ลวง พราง”
ทุกอย่างจึงสวนทางกับ “ระบบเกียรติศักดิ์” ไม่ว่าจะมองผ่านด้านการทหาร ไม่ว่าจะมองผ่านด้านการเมือง
ยิ่งกว่านั้น การปฏิเสธเหล่านี้ยังสวนทางกับ “ความเป็นจริง”
ไม่เพียงเป็นความจริงจากการเมืองเรื่อง “รัฐประหาร” หากเป็นความจริงจากการเมืองเรื่องสถานการณ์ “ความขัดแย้ง”

ถามว่าเหตุใดจึงมากด้วยข่าวและข้อคาดหมายในเรื่องการปรับครม. ในเรื่องความขัดแย้งที่แสดงแนวโน้มว่าจะเกิดการยุบสภาและนำไปสู่การเลือกตั้งในเร็วๆนี้
คำตอบมิได้สลับซับซ้อนเห็นได้จากกรณีการ “ปลด” รัฐมนตรี เห็นได้จากกรณีการแย่ง “อำนาจ” ในกระทรวงที่ “ว่าง” รัฐมนตรี
ทั้งหมดมิได้เป็นการเสี้ยมหรือทะลวงเข้าไปไม่ว่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะมาจากพรรคก้าวไกล หากแต่เป็นเรื่องระ หว่างรัฐบาลด้วยกัน เป็นเรื่องระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน
ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะ “ขัด” กันแห่งผลประโยชน์ หาก แต่ยืนยันถึงการไม่สามารถ “ประนอม” ประโยชน์กันได้ในทางเป็นจริง
สายตาจึงมองไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นจุดเดียว

รูปธรรมแห่งความขัดแย้งที่แสดงออกนับแต่สถานการณ์เมื่อวันที่ 8 กันยายนเป็นต้นมา สัมผัสได้การตอกย้ำยืนยันในความรัก ความผูพันระหว่าง “3 ป.” และระหว่างรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาล
หากไม่มี “ปัญหา” จำเป็นอะไรที่จะต้องพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก
หากไม่มี “ปัญหา” จำเป็นอะไรที่จะต้องยืนยันแม้กระทั่ง “ภายใน” ทหารอันเป็นฐานกำลังของตนเอง
ในที่สุด ไม่ว่าจะ “แถลง” อะไรออกมาสังคมก็ “ไม่เชื่อถือ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน