คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

สถานการณ์วัคซีน

รัฐบาลดูเหมือนจะพออกพอใจผลการ ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ชนิด mRNA ในกลุ่มนักเรียนอายุ 12-18 ปี หรือระดับชั้นม.1-6 หรือเทียบเท่า

โดยเด็กนักเรียนช่วงอายุนี้ทั่วประเทศเข้าเกณฑ์รับวัคซีนประมาณ 5 ล้านคน แต่จากการสำรวจความประสงค์ของผู้ปกครอง พบกว่า 80 เปอร์เซ็นต์อนุญาตให้ฉีด จึงเหลือราว 4 ล้านคน

ส่วนเด็กอายุ 3-11 ขวบ ต้องรอไปก่อน เพราะปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนชนิดใดฉีดได้ สำหรับกลุ่มเด็กที่ฉีดไปแล้ว กระทรวงศึกษาธิการคาดว่าจะรองรับการเปิดเรียนได้อีกครั้งในวันที่ 1 พ.ย.

หลังต้องหยุดไปยาวนาน การเรียนออนไลน์ก็ประสบปัญหาทั้งเด็กและผู้ปกครอง

ขณะเดียวกันภาพรวมการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ กระทรวงสาธารณสุขระบุของเดิมตั้งเป้าสิ้นเดือนก.ย. ฉีด 40 ล้านโดส แต่จนถึง ขณะนี้ฉีดเกินกว่าแล้ว 55 ล้านโดส

สาเหตุหลักที่ฉีดได้มากขึ้น เนื่องจากวัคซีน เริ่มทยอยเข้ามามากขึ้น โดยส่วนหนึ่งมาจากการท้วงติง เรียกร้อง และทวงถามจากสังคมไปยังรัฐบาล ที่คาดการณ์และวางแผนผิดตั้งแต่ต้น

รวมทั้งความร่วมมือของประชาชนล้วนมีส่วนสำคัญ นอกจากความปลอดภัยด้านสุขภาพแล้ว ยังหวังไปถึงอนาคตทางเศรษฐกิจ เมื่อมาตรการต่างๆ ผ่อนคลายเปิดกว้างมากขึ้น จะได้ฟื้นฟูชีวิตทำมาหากินตามปกติ

แต่ที่ยังน่าห่วง คือจำนวนคนฉีดครบ 2 เข็มยังห่างไกลจากภูมิคุ้มกันหมู่ รวมถึงกลุ่ม คนฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายไปก่อนหน้าหลาย ล้านคน

ที่ผ่านมารัฐบาลเปิดฉีดเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โดส สำหรับผู้ฉีดวัคซีนเชื้อตายในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.2564 เพราะเมื่อเวลาผ่านไปภูมิคุ้มกันจะลดลง ป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ไม่ได้ แต่การฉีดก็ยังเป็นไปอย่างจำกัดจำเขี่ย

ล่าสุดในวันที่ 7 ต.ค.นี้ รัฐบาลเปิดฉีดเข็ม 3 อีก ล็อต สำหรับผู้ฉีดวัคซีนเชื้อตายในช่วงเดือนมิ.ย. แต่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ

จากเดิมที่ประกาศว่าจะส่งข้อความแจ้ง ให้รออยู่เฉยๆ เนื่องจากรัฐบาลมีข้อมูลหลักฐานการ ฉีดวัคซีนของประชาชนเพียบพร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะระบบหมอพร้อม หรืออีกหลายระบบพร้อม

ทั้งความพร้อมเปิดเทอม ฉีดวัคซีนมากขึ้นกว่าเดิม วัคซีนครบโดสสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และบูสต์เข็ม 3 ทว่าในสถานการณ์จริง สังคมยังกังวลราบรื่นจริงหรือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน