FootNote เลือกตั้งซ่อม ชุมพร สงขลา ทดสอบ พลัง”ประชาธิปัตย์”
สิ้นเสียงการอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอันส่งผลให้ นายชุมพล จุลใส และ นายถาวร เสนเนียม พ้นจากสมาชิกภาพแห่งการเป็นส.ส. ปี่กลองการเลือกตั้งซ่อมก็เริ่มขึ้น
แม้ทั้ง 2 เขตเลือกตั้งที่ชุมพรและสงขลาจะเป็นพื้นที่เดิมของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ความคึกคักก็มาจากทุกพรรค
ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลตามมารยาททางการเมืองจักต้องเปี่ยมด้วยความระมัดระวัง แต่คราวนี้แทบไม่สงวนกิริยา
นั่นก็เพราะปรากฏการณ์การเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราช แม้จะเป็นเขตเดิมของ นายเทพไท เสนพงศ์ พรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคพลังประชารัฐก็ลงสู้และได้ชัยชนะ
กรณีเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราชจึงเท่ากับเป็นพิมพ์เขียวทำให้พรรคพลังประชารัฐประกาศความพร้อม ทำให้พรรคภูมิใจไทยจำ
เป็นต้องขยับขับเคลื่อนเพื่อชิงโอกาสและความได้เปรียบ
เนื่องจากหากผลการเลือกตั้งซ่อมออกไปในทิศทางใดนั่นย่อม เป็นสัญญาณถึงการเลือกตั้งใหญ่ที่จะตามมาในอีกไม่นานเกินรอ
ความน่าสนใจเป็นอย่างสูงสำหรับการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ชุมพรและสงขลาก็คือ เป็นการขันแข่งและแย่งชิงกันเองภายในพรรคร่วม รัฐบาลโอกาสของพรรคฝ่ายค้านมีน้อยเป็นอย่างยิ่ง
ความแหลมคมยิ่งกว่านั้นก็คือ เท่ากับเป็นปรอทวัดสภาพภายในของพรรคประชาธิปัตย์ว่าแข็งแกร่งมากน้อยเพียงใด
เพราะแม้เขต 1 ชุมพรจะเป็นพื้นที่เดิมของ นายชุมพล จุลใส แม้เขต 6 สงขลา จะเป็นพื้นที่เดิมของ นายถาวร เสนเนียม แต่ก็ไม่ แน่ว่าความเอนเอียงของทั้ง 2 คนนี้จะดำเนินไปอย่างไร
จะยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์อย่างแข็งแกร่งและมั่นคงหรือมีใจไหวเอนเอียงไปทางพรรคการเมืองอื่น
คำถามนี้เฉียบคมยิ่งกับ นายชุมพล จุลใส นายถาวร เสนเนียม
ขณะเดียวกัน การประกาศจะร่วมช่วงชิงไม่ว่าจะมาจากพรรคกล้า ของ นายกรณ์ จาติกวณิช ไม่ว่าจะมาจากพรรคไทยภักดีของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ก็มิได้เป็นคนห่างไกล
ทั้ง นายกรณ์ จาติกวณิช นพ.วรงค์ เดชกิจวิกม ก็เคยเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์มาแต่เดิม
ศึกครั้งนี้จึงเท่ากับทดสอบความแข็งแกร่งพรรคประชาธิปัตย์
ท่ามกลางการพยายามเจาะทะลวงจากพรรคพลังประชารัฐ
