คอลัมน์ ใบตองแห้ง

หมูตายระบบเน่า

ร้านขายเครื่องไหว้แก้ชงข้างศาลเจ้าพ่อเสือขายเกินราคา เป็นดราม่าออนไลน์ กรมการค้าภายในบุกจับฉับไว แสดงประสิทธิภาพรัฐไทย อะไรที่เป็นดราม่าขอให้บอก ใช้อำนาจได้ทันใจ

แต่หมูแพงแก้ไม่ได้ ไม่รู้จะจับใคร ทั้งคนเลี้ยงทั้งเขียงหมูไม่ได้เอาเปรียบประชาชน หมูตายทั้งแผ่นดิน ตายมาเป็นปี กรมปศุสัตว์เพิ่งรู้นะนี่ว่าเป็นห่าแอฟริกา รัฐมนตรีพาณิชย์ทำได้แค่ตั้งจุดขายธงฟ้า กับแจ้งข่าวดีว่า “มาม่าไม่ขึ้นราคา” ในขณะที่สินค้าแพงทั้งแผ่นดิน

หมูแพง ไก่แพง ไข่แพง น้ำมันแพง น้ำมันปาล์มแพง ขึ้นค่าแก๊ส ขึ้นค่าไฟ ฯลฯ รองนายกฯ ให้มองโลกสวย ของแพงเพราะคนมีกำลังบริโภค

ประยุทธ์รายวันให้เสียงพากย์โดยธนกร อ้างน้ำมันตลาดโลก แต่ไม่ลดภาษีสรรพสามิตลิตรละ 6 บาท แล้วก็พูดซ้ำซาก นายกฯ สั่งแก้ปัญหาแล้ว

ปัญหาทุกอย่างสั่งได้ ใช้อำนาจสั่งข้าราชการแล้วจบ นั่นหรือหน้าที่นายกฯ อย่างนี้ให้เด็กนั่งเก้าอี้ก็ได้ “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม” แต่รัฐล้มเหลวแค่ไหนไม่เคยรับผิดชอบ เพราะประยุทธ์เป็นนาย เป็นผู้ออกคำสั่ง ถ้าประชาชนทำไม่ได้ ประชาชนนั่นแหละผิด ติดโควิดเพราะไม่รับผิดชอบตัวเอง

หมูแพงเป็นประเด็นใหญ่ เพราะเป็นปัญหาที่ควรจะรู้และป้องกันได้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้มีใครหมกความจริงไว้ หมูตายเกลื่อนกว่าจะเลี้ยงใหม่ขายได้อีกปีครึ่ง ระหว่างนี้ทำไง ก็ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล หมูแพงไม่กินหมู กินผักรักษาสุขภาพ ฯลฯ เดี๋ยวผักแพงก็ไปปลูกในค่ายทหาร

หมูตายประยุทธ์รู้ไหม คงไม่รู้ล่วงหน้า แต่นั่นแหละคือปัญหาใหญ่ ปัญหาประสิทธิภาพของรัฐราชการ ตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ อธิบดี รัฐมนตรี นายกฯ หมูตายหลายล้านตัวเอาใบบัวปิดได้ไง

อธิบดีปศุสัตว์ประกาศไม่ลาออกแม้โดนกดดัน เพราะไม่ได้ทำผิด ไม่ได้ทุจริต จริงครับ เอาผิดท่านไม่ได้หรอก นี่คือระบบราชการไทยภายใต้ 7 ปีระบอบประยุทธ์ ระบบราชการใต้อำนาจนิยม เน้นการขึ้นตรง ภักดี ทำตามคำสั่งนาย แต่อีกด้านก็บ้าจี้ปราบโกง วางกฎระเบียบลงโทษเต็มไปหมด ข้าราชการอยู่เฉยๆ ปลอดภัยกว่า ทำงานไม่มีประสิทธิภาพไม่เป็นไร ขอให้ไม่โดนขึ้นศาลทุจริต รอดไปจนเกษียณกินบำนาญเลี้ยงหลาน

บางคนแซวขำๆ ว่าหมูตายอาจเหมือนนิยายตำรวจ ศพตายลอยน้ำมา ตำรวจเขี่ยให้พ้นท้องที่ตัวเองเพราะไม่อยากทำคดี นี่ก็เหมือนกัน ปศุสัตว์ไม่รายงานไม่มีความผิด ตรงกันข้าม ถ้ารายงานโรค ASF อาจเพิ่มภาระ ทำงานหนัก กว่าจะตกเบิกงบประมาณ ฯลฯ

คำถามคือ ระบบราชการภายใต้ผู้นำไร้วิสัยทัศน์จะสร้างความเสียหายต่อไปอย่างไร

ย้อนไปดูความล้มเหลวรับมือโควิดก็เช่นกัน ระบบราชการแต่ละส่วนทำงานตามกลไก เพื่อให้ตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ถูกคาดโทษ ไม่ถูกสั่งย้าย ปี 63 ตอนรัฐบาลต้องการให้โควิดเป็นศูนย์ ผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัดออกมาตรการรัฐอิสระ ใช้ยาแรงแค่ไหนก็ได้ ประชาชนเดือดร้อนแค่ไหนก็ได้ เพื่อไม่ให้ถูกตำหนิ อธิการบดีแต่ละมหาวิทยาลัย เพื่อเซฟตัวเอง ก็สั่งปิดสถานที่ ให้เรียนออนไลน์แต่ไม่ลดค่าเทอม

มาตรการควบคุมโรคก็ต้องเชื่อฟังรัฐคุณพ่อรู้ดี ทั้งที่องค์ความรู้มีอยู่ทั่วไป ทีแรกไม่ยอมให้ใช้ ATK จนคนติดเชื้อล้น เข้าคิวตรวจ RT-PCR ยาวเหยียดรับไม่ไหว ทีแรกไม่ยอมให้คนรักษาอยู่บ้าน จนสถานการณ์บานปลายค่อย HI CI ทีแรกไม่ยอมสั่งวัคซีน mRNA ตอนนี้เป็นไง โฆษณาชักชวนให้คนไปฉีดไฟเซอร์เข็มสาม

ปัญหาประสิทธิภาพของรัฐที่เลวร้ายกว่าหมูตาย ยังวิบัติได้อีก ท่ามกลาง “การเมืองแช่นิ่ง” แม้พรรคร่วมรัฐบาลหาเสียงถล่มกัน แต่เลือกตั้งซ่อมเสร็จก็หันมาจูบปาก ไม่มีใครต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น

ซ้ำร้ายขณะที่สินค้าแพง คนไทยยังได้ซื้อของถูก F-35 มูลค่า 13,800 ล้าน ซึ่งกองทัพอากาศอ้างความจำเป็น แต่ประเด็นคือกลาโหมไม่ยอมลดกำลังพล เลิกเกณฑ์ทหาร ยุบหน่วยงานธุรการที่ไม่จำเป็น ฯลฯ ไม่ยอมลดงบประมาณแล้วจะทุ่มซื้อยุทโธปกรณ์ไปพร้อมกันทั้งที่ประเทศกำลังลำบาก

ระบอบที่ดำรงอยู่ ไม่ให้ความสำคัญกับการรับผิดชอบต่อประชาชน แต่รับผิดชอบต่อเครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยมเป็นอันดับแรก สร้างเครือข่ายใหญ่โตเพื่อปกป้องตนเอง แต่ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่จะหนักหน่วงขึ้น ทั้งความผันผวนจากเงินเฟ้อ เงินไหลเวียนในตลาดหุ้นตลาดพันธบัตรตลาดคริปโต (คิดได้ง่ายๆ แค่เก็บภาษีกำไร)

ไม่สามารถรับมือกับความเหลื่อมล้ำที่ยิ่งจะรุนแรงขึ้น ความไม่พอใจทางสังคม ที่ทำได้แค่ไล่จัดการดราม่าออนไลน์ โหนกระแส อยากดังเดี๋ยวจัดให้ ฯลฯ มีข่าวเบ่งกร่างรู้มั้ยลูกใคร ก็ใช้อำนาจเฉพาะรายเอาใจสังคมไปวันๆ

ระบอบอำนาจนี้มีประสิทธิภาพอย่างเดียวเท่านั้น คือปลุกความเกลียดชังคนที่คิดจะเปลี่ยนแปลง แล้วใช้อำนาจกดไว้สร้างความกลัว ขณะที่องคาพยพต่างๆ พังลงทีละกระบิ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน