คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
เร่งบูสต์เข็ม 3
การรุกคืบของโควิด-19 กลายพันธุ์โอมิครอน เข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดลตาแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ภายในระยะเวลาแค่เดือนเดียว เร็วกว่าเมื่อครั้งสายพันธุ์เดลตาเข้ามาแทนที่ สายพันธุ์อัลฟา
โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ภายในเดือนม.ค.นี้ โอมิครอนจะแทนที่เดลตาทั้งหมด ซึ่งลักษณะเด่นของโอมิครอนแพร่กระจายเร็ว หลบหลีกวัคซีนได้ดี แต่ความรุนแรงไม่เท่าสายพันธุ์เดลตา หรืออัลฟา
ทว่าล่าสุดกลับพบผู้เสียชีวิตจากโอมิครอน ในไทยแล้ว รายแรกเป็นผู้หญิง 86 ปี จ.สงขลา ป่วยติดเตียง อัลไซเมอร์ ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม อีกรายผู้หญิง 84 ปี ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ยังไม่ได้รับวัคซีน
จึงเป็นข้อกังวลต่อการรับมือสายพันธุ์โอมิครอน
ขณะเดียวกัน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เปิดผลการทดสอบภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา และโอมิครอน โดยทดสอบจากผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมด 8 สูตรที่มีการใช้ในประเทศไทย
ผลทดสอบพบว่าทุกสูตรจัดการกับสายพันธุ์เดลตาได้ค่อนข้างดี แต่เมื่อเจอกับสายพันธุ์ โอมิครอนกลับลดลงทุกสูตร สอดคล้องกับ ข้อสันนิษฐานว่าการกลายพันธุ์ของโอมิครอนน่าจะหลบวัคซีนได้มาก
ขณะที่ผลทดสอบภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มฉีดวัคซีน 2 เข็ม พบว่าภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับปริ่ม ไม่สูงมากนัก จึงป้องกันโอมิครอนได้ไม่มาก ส่วนกลุ่มฉีด 3 เข็ม พบว่าภูมิคุ้มกันขึ้นสูงมาก
ข้อแนะนำคือควรฉีดบูสต์เข็ม 3 ให้ เร็วที่สุด
จากผลการทดสอบและข้อแนะนำดังกล่าว เมื่อหันมาดูปริมาณการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ปรากฏว่ายังไม่มากพอ อยู่ที่ 10 ล้านกว่าคน หรือไม่ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร
ที่ผ่านมารัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ร่นระยะเวลาฉีดเข็ม 3 ห่างจากเข็ม 2 จากเดิม 6 เดือน ลดเหลือ 3 เดือน พร้อมทั้งเชิญชวน ให้ประชาชนเร่งฉีดเข็มกระตุ้น
แต่จากอุปสรรคที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ยังไม่เปิดวอล์กอินฉีดเข็ม 3 ประชาชนต้องติดต่อสอบถามจากสถานพยาบาลนั้นๆ เอง หรือไม่ก็ต้อง ลงทะเบียนเอง ทั้งที่รัฐบาลมีข้อมูลครบถ้วน อยู่แล้วใครบ้างเคยได้รับเข็ม 2 ไปแล้ว
ดังนั้น รัฐบาลควรลดขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เพื่อเอื้อให้ประชาชนเข้าถึงเข็ม 3 ให้เร็วและมากกว่าที่เป็นอยู่