ยกระดับเตือนภัย – สถานการณ์โควิด-19 มาถึงจุดวิกฤตอีกครั้ง ตามการส่งสัญญาณของกระทรวงสาธารณสุข ที่ประกาศยกระดับเตือนภัยโควิดขึ้นเป็นระดับ 4 ครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ที่พบว่าแพร่ระบาดได้มากกว่าและเร็วกว่าสายพันธุ์ย่อย BA.1 ประมาณ 1.4 เท่า
ข้อมูลกรมควบคุมโรค ระบุ ประเทศไทยเริ่มมีสัดส่วนผู้ติดเชื้อ BA.2 มากขึ้นราวร้อยละ 50 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่กลับมาทะลุหลักเกือบ 2 หมื่นรายต่อวัน หากรวมผลตรวจ ATK จะมากเกิน 3 หมื่นราย นั่นทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มสูงขึ้นจากเดือนมกราคมจำนวนเกือบเท่าตัว
บ่งบอกว่าวิกฤตโควิดในไทยที่เรื้อรังมากว่า 2 ปี ยังไม่จบภายในเร็ววันนี้แน่นอน
ประกาศเตือนภัยมี 5 ระดับ มาตรการระดับ 4 คือ งดเข้าสถานที่เสี่ยงทุกประเภท งดทานอาหารร่วมกัน งดดื่มสุราในร้าน เลี่ยงการไปซื้อของที่มีคนจำนวนมาก อาทิ ตลาด ห้างสรรพสินค้า หลีกเลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่นนอกบ้าน
งดกิจกรรมสังสรรค์รวมกลุ่ม ทำงานที่บ้าน หรือเวิร์ก ฟรอม โฮม ชะลอเดินทางข้ามจังหวัด สวมหน้ากากอนามัย 100% เลี่ยงไปต่างประเทศ เข้าประเทศต้องกักตัวในสถานที่กักตัวทางเลือก Alternative State Quarantine (AQ)
เดิมกระทรวงสาธารณสุขประกาศยกระดับเตือนภัยจากระดับ 3 ขึ้นเป็นระดับ 4 ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพียงแต่เป็นการแจ้งเตือนจังหวัดเสี่ยงที่มีรายงานการติดเชื้อสูง แต่ปัจจุบันเป็นการประกาศเตือนทุกจังหวัดทั่วประเทศ
เป้าหมายเพื่อชะลอการระบาดให้อยู่ในระดับคงที่และลดลง
ท่ ามกลางตัวเลขผู้ป่วยพุ่งสูงต่อเนื่อง กระทรวงสาธารณสุขปรับเตือนภัยเป็นระดับ 4 จะนำมาสู่การที่รัฐบาลหรือ ศบค.พิจารณามาตรการเข้มงวดเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น การกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ ที่เริ่มมีการพูดถึงกันบ้างแล้ว หรือการทบทวนระบบเดินทางเข้าประเทศแบบเทสต์ แอนด์ โก เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตามการพิจารณามาตรการเพิ่มเติมใดๆ ไม่ว่าออกมาจากรัฐบาล หรือ ศบค.ก็ตาม นอกเหนือการประเมินจากยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน และระบบรองรับด้านสาธารณสุขทั้งในเรื่องของวัคซีน จำนวนเตียง ฯลฯ
ยังต้องพิจารณาในมิติอื่นๆ รอบด้านทั้งเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการประกอบอาชีพทำมาหากินของประชาชน ต้องหาจุดสมดุลให้ได้ ไม่ให้เกิดสภาพปัญหาแบบงูกินหางเหมือนที่ผ่านมา ที่เศรษฐกิจ ไม่ฟื้น โควิดก็ลามไม่หยุดเสียที
ส่วนการเมืองรามเกียรติ์ หยุดพักไว้ก่อนจะเป็นคุณต่อประเทศชาติประชาชนไม่น้อย
