การเมืองปรับลดความร้อนแรงลงชั่วคราวในช่วงสภาปิดสมัยประชุมตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ยาวไปจนถึง 22 พฤษภาคม เป็นจังหวะดีที่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้โชว์ฝีมือในการทำงานบริหารประเทศแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทุกข์ยากให้ประชาชนอย่างจริงจัง

ไม่ต้องวอกแวกเสียสมาธิไปกับปัญหาการเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาลและเกมการเมืองในสภา เพราะถึงอุณหภูมิการเมืองจะลดลงแต่อุณหภูมิด้านเศรษฐกิจกลับเพิ่มความร้อนแรงสวนทาง ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องจากโจทย์ปัญหาเศรษฐกิจไทยได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่คาดการณ์กันเอาไว้เมื่อปลายปีก่อน

ไม่ว่ากรณีโควิดโอมิครอน รวมถึงกรณีรัสเซียบุกยูเครนที่เป็นประเด็นแทรกซ้อนเข้ามา

จากสถานการณ์โควิด-19 แต่เดิมประเมินว่าจะคลี่คลายเบาบางลงช่วงต้นปี 2565 แต่ล่าสุดการมาของสายพันธุ์โอมิครอน BA.2 ทำให้อัตราการติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้นสูงเฉลี่ยราว 2.5 หมื่นรายต่อวัน หากรวมผลตรวจเอทีเคเป็นบวก ก็จะแตะหลักเกือบ 5 หมื่นราย ซึ่งถือเป็นสัญญาณไม่ดีนักทั้งต่อระบบสาธารณสุข สถานที่รักษาพยาบาล

ลามกระทบต่อเศรษฐกิจภาคการผลิต ผู้ประกอบการโรงงานต่างๆ ธุรกิจอาจต้องสะดุดปิดตัวลงชั่วคราว หรือขั้นเลวร้ายต้องปิดแบบถาวร เกิดปัญหาคนตกงาน ค่าครองชีพพุ่งสูงแต่ประชาชนขาดรายได้ เป็นหนี้มากขึ้น เงินโครงการคนละครึ่งใช้แค่ประทังชีวิตวันต่อวัน ไม่มีผลกระตุ้นกำลังซื้อในภาพใหญ่

เหล่านี้ทับถมจนเป็นอุปสรรคสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ

สําหรับโจทย์แทรกซ้อนกรณีรัสเซีย-ยูเครน ผล กระทบระยะสั้นคือราคาพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันถีบตัวสูงขึ้น รัฐจำเป็นต้องตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เช่นเดียวกับก๊าซแอลพีจี หากเอาไม่อยู่ สิ่งที่ตามมาคือราคาสินค้าจากที่แพงอยู่แล้ว จะปรับแพงขึ้นไปอีก จนเสี่ยงต่อวิกฤตเงินเฟ้อ

ยังมีเรื่องของภาคส่งออกและภาคการท่องเที่ยว เครื่องยนต์หลักสร้างรายได้เข้าประเทศที่กำลังฟื้นตัว อาจต้องล้มฟุบลงอีก ถึงไทยจะไม่กลับมาล็อกดาวน์ แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติคงยังไม่กล้าเดินทาง เนื่องจากวิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครนก่อให้เกิดความตึงเครียดทั่วโลก ประกอบกับสถานการณ์โควิดในไทยที่กลับมาระบาดหนัก เหล่านี้คือโจทย์การบ้านข้อยากในช่วงสภาปิดสมัยประชุม

ซึ่งจะเป็นประเด็นชี้ขาดสำคัญยิ่งกว่าโจทย์การเมืองว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมควรอยู่บริหารประเทศต่อไปหรือไม่

ชีวิตความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน