กระบอกเสียงกองทัพ

ผอ.ททบ.5 ไขก๊อก (โดนปลด?) ไม่รู้เพราะอะไร เพราะล้ำเส้นนโยบายต่างประเทศ ไปร่วมมือด้านข่าวสารกับรัสเซีย-จีน-อิหร่าน หรือเพราะ “เซ็นเซอร์สื่อ” ตัดสัญญาณ “ปอง อัญชลี” 8 นาที ไม่ให้รายงานข่าวรัสเซียบุกยูเครน

โถๆๆ ปิดกั้นเสรีภาพสื่อเลยนะนั่น น้องๆ รัสเซียอุ้มบรรณาธิการข่าวชูป้ายต้านสงคราม เหมือนรัฐประหารปิดดาวสยามยานเกราะ ฟังข่าวแล้วสงสารปองน้ำตาจิไหล

แต่กองทัพบกเปลี่ยน ผอ.ช่อง 5 เพราะเรื่องไหนกันแน่ เรื่องไปจุ้นสวนนโยบายต่างประเทศ หรือบังอาจปิดปากท็อปนิวส์จนประกาศยุติสัญญา ทำให้บรรดาแฟนคลับและผู้หลักผู้ใหญ่ไม่พอใจ (ท้ายที่สุดท็อปนิวส์ได้ไปต่อ ให้รู้เสียบ้างว่าไผเป็นไผ)

ประเด็นย้อนแย้งมีมาตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครน สื่อไทยฝ่ายหนุนรัฐประหารสืบทอดอำนาจ เกลียดอเมริกายุโรปชูสิทธิมนุษยชนประชาธิปไตยฝรั่ง วิจารณ์ 112 ให้ท้ายม็อบสามนิ้ว พากันเลือกข้างรัสเซียโดยอัตโนมัติ รวมทั้งท็อปนิวส์ โดยสังคมส่วนใหญ่ไม่คิดอะไร ลืมไปว่าช่อง 5 มีความเป็น “สื่อของรัฐ” ซึ่งแม้มีเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อรัฐบาล

ผู้แทนไทยลงมติประณามรัสเซียรุกรานยูเครน แต่ผู้ผลิตข่าวให้โทรทัศน์ของกองทัพบก หน่วยงานที่มีอำนาจมากที่สุดในรัฐไทย กลับเข้าข้างรัสเซียสุดลิ่ม ประหลาดไหม

ช่วงแรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่ คนไทยไม่แปลกใจ เพราะนโยบายต่างประเทศไทยเป็นนกหลายหัวชั่วกาลนาน ยึดคติประจำชาติ “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ไม่เคยมีกระดูกสันหลัง ไม่เคยยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง การเข้าข้างทั้งอเมริกา จีน รัสเซีย เป็นเรื่องปกติ

จนกระทั่ง ผอ.ช่อง 5 โผล่ไปสถานทูตรัสเซีย หารือร่วมมือข่าวสารเพื่อสร้างสมดุล อ้างว่ารับข่าวรอยเตอร์แหล่งเดียว ทำให้สังคมงุนงง อิหยังวะ วิพากษ์วิจารณ์กันครึกโครม จนต้องยกเลิกพิธีลงนาม โดยมีข่าวว่ารัฐบาลสั่ง ตาเฒ่าดอนไม่พอใจ ล้ำเส้นนโยบายกระทรวงต่างประเทศ

ซึ่งไม่ว่าจะเห็นด้วยกับนโยบายตาเฒ่าดอนไหม มันก็เห็นชัดๆ ว่าลักลั่น ช่อง 5 เป็นแค่หน่วยงานในกองทัพบก ขึ้นต่อกระทรวงกลาโหมอีกชั้น ไหงเดินสายสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เสียเอง กลายเป็นรัฐซ้อนรัฐ

อันที่จริง แม้แต่กองทัพไทยก็นกหลายหัว ซื้ออาวุธเอาใจทุกมหาอำนาจ ซื้อเรือดำน้ำจีน (แต่เยอรมันไม่ขายเครื่องยนต์) ซื้อเอฟ 35 ซื้อสไตรเกอร์อเมริกา เคยซื้ออาวุธยูเครนด้วยซ้ำ สมัยอนุพงษ์ซื้อรถหุ้มเกราะล้อยาง (ยุคเดียวกับ GT200) โดนกังขาเรื่องความโปร่งใสเพราะมีปัญหาเพียบ ส่งมอบล่าช้า เยอรมันไม่ยอมให้ใช้เครื่องยนต์ กระทั่งสมัยประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ.ก็ซื้อรถถังยูเครนอีก 7.2 พันล้าน

ผู้แทนไทยประณามรัสเซีย รัฐบาลเล่นเกมหลายหน้า โทรทัศน์ ทบ.กลับอ้าซ่าไปจับมือทูตรัสเซีย ไม่แปลกหรอกที่เปลี่ยน ผอ. แต่มีคำถามต่อว่า งั้นช่อง 5 จะยังปล่อยให้ผู้ผลิตรายการข่าวเข้าข้างรัสเซียสุดลิ่ม โดยอ้าง “เสรีภาพสื่อ” ได้ไหม

อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ ท็อปนิวส์ก็เอาคลิปเฟกนิวส์ อ้างยูเครนจัดฉากศพ มาเผยแพร่ทางช่อง 5 แม้ขอโทษภายหลัง ถูกสมาคม นักข่าววิทยุโทรทัศน์ตักเตือน

พูดอย่างนี้เหมือนต้องการให้จำกัดเสรีภาพเพื่อนสื่อ? ไม่ใช่เรื่องสำนักไหน แต่สื่อของรัฐต้องยอมรับว่ามีข้อจำกัด ทีวีวิทยุทหาร กรมประชาสัมพันธ์ ย่อมมีกรอบเสรีภาพที่แตกต่างจากเนชั่น อมรินทร์

ยกตัวอย่างรัสเซียยูเครน สื่อเอกชนมีเสรีภาพ ภายใต้จรรยาบรรณ ที่ต้องเสนอข่าวตามความจริง ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ แยกความเห็นจากข่าว แล้วมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ทั้งของตนเอง จุดยืนของสำนักข่าว ขณะที่สื่อรัฐต้องระมัดระวังมากกว่า ต้องแยกความเห็นส่วนตนออกจากองค์กร ซึ่งก็คือกองทัพหรือกรมประชาสัมพันธ์

ความขัดแย้งระหว่างประเทศเห็นชัด ถ้าเป็นความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศล่ะ อันดับแรก ต้องแยกรัฐออกจากรัฐบาลทางการเมือง สื่อรัฐจากอดีตตั้งขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าถึงบริการของรัฐ เช่น ประชาสัมพันธ์วัคซีน ช่องทาง “เจอแจกจบ” ฯลฯ การทำหน้าที่ “กระบอกเสียง“ ในแง่นี้พอรับได้ แต่ปัจจุบันก็มีช่องทางสื่อสารหลากหลาย จำเป็นต้องมีวิทยุทีวีของรัฐอยู่ไหม

ในทางการเมือง หมายถึงการตอบโต้ระหว่างรัฐบาลฝ่ายค้าน สื่อรัฐต้องมี “ความเป็นกลาง” ต่างจากสื่อเอกชนซึ่งมีเสรีที่จะเลือกข้าง เพราะสื่อรัฐมาจากภาษีประชาชน ทั้งเครื่องมืออุปกรณ์เงินเดือน ไม่ได้รับจ้างรัฐมนตรี ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง ทั้งการให้น้ำหนัก และการให้ความเห็น เพราะมันคงประหลาดถ้าด่ารัฐบาล และคงสะอิดสะเอียนถ้า เชลียร์อยู่ข้างเดียว

นี่พูดตามความเป็นจริง ไม่ใช่เสรีภาพในกระดาษ พูดแล้วก็เห็นชัด สื่อรัฐย่อมต้องระมัดระวังมากกว่าสื่อเอกชนหลายเท่า

การที่สื่อของรัฐซึ่งได้รับงบประมาณ ได้สิทธิพิเศษอีกต่างหาก ได้ใบอนุญาตทีวีดิจิตอลโดยไม่ต้องประมูล แล้วยังหาโฆษณาได้ แต่กลับไม่ทำรายการเอง ไปทำสัญญากับเอกชนที่เชียร์รัฐประหารสืบทอดอำนาจอย่างสุดลิ่ม โดยอ้างว่าหารายได้ มันจึงผิดเพี้ยนตั้งแต่ต้น จนมาบานปลายในสงครามรัสเซียบุกยูเครน

ถ้าสมัยหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แล้วกรมประชาสัมพันธ์ ทีวีวิทยุทหาร “จ้างทำข่าว” จ้างสื่อที่เชียร์ทักษิณสุดลิ่ม แล้วอ้าง “เสรีภาพสื่อ” จะยอมรับกันได้ไหม

อันที่จริงมองไกลกว่านั้นได้ซ้ำไป ทีวีวิทยุทหาร กรมประชาสัมพันธ์ ยังมีความจำเป็นอยู่หรือในโลกปัจจุบัน เว้นแต่จะเอาไว้เป็นเครื่องมือทางการเมือง กับเซ็งลี้เพลงละคร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน