กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ส่งหนังสือถึงรัฐบาล เสนอเดินหน้าบังคับใช้พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือเรียกว่า พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย

มีความพยายามนานกว่า 10 ปี เพื่อผลักดันกฎหมายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้กฎหมายผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร และผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 ก.พ.2566

ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหนังสือถึง รมว.ยุติธรรม ขอให้ขยายเวลาประกาศบังคับใช้กฎหมายออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่าหน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องขาดความพร้อมด้านอุปกรณ์ ทักษะในการปฏิบัติ และแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานกลาง

แต่จากการระดมความคิดเห็นจากหลายฝ่าย ได้ข้อสรุปเห็นพ้องต้องกันว่าไม่มีความจำเป็นต้องเลื่อนการบังคับใช้ออกไป

การทรมานและอุ้มหาย หรือบางกรณีกว่าจะพบหลักฐานถูกฆ่าเสียชีวิตก็กินเวลาเนิ่นนาน ส่งผลให้การดำเนินคดีล่าช้า หลายคดีไม่สามารถเอาผิดผู้ก่อเหตุได้ และส่วนใหญ่มักมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง ดังที่สังคมไทยรับทราบมาแล้วหลายกรณี

อาทิ นายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความผู้ต้องหาคดีความมั่นคงชายแดนภาคใต้ ผ่านมากว่า 10 ปี ยังไม่สามารถเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ รวมถึงผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัยหลายรายในพื้นที่ถูกนำตัวไปซักถามแล้วกลับออกมาในสภาพบาดเจ็บ นำไปสู่การเสียชีวิต

หรือกรณีนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชาวบ้านบางกลอย กว่าคดีจะเข้าสู่การพิจารณาชั้นศาล ก็ล่วงเลยหลายปี ตลอดจนแกนนำชาวบ้านที่ออกมาเรียกร้องปัญหาที่ดินทำกิน และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกหลายรายด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา หลังรัฐประหารครั้งล่าสุด แม้จะเกิดเหตุในประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม

ข้อมูลจาก กสม.ระบุว่าระหว่างปี 2558-2565 ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีการละเมิดสิทธิในชีวิตและร่างกาย จากการซ้อมทรมานและทำร้ายร่างกายระหว่างถูกควบคุมตัว จำนวน 232 เรื่อง

แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ดังกล่าวดำรงอยู่มายาวนาน ไม่มีแนวโน้มที่จะคลี่คลาย ด้วยเหตุนี้กสม.จึงเห็นควรให้บังคับใช้พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย

เนื่องจากเป็นกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพในชีวิต และร่างกายของประชาชนแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อถูกกล่าวหา หรือร้องเรียนเกี่ยวกับการตรวจค้น จับกุม และสอบสวนคดีอาญาด้วย

นอกจากบังคับใช้แล้ว รัฐบาลควรจัดงบประมาณให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายนี้อย่างเหมาะสมต่อไปด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน