FootNote:รอยแผล สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ฝังจำ กลางใจ อนุชา นาคาศัย
ทุกสายตามองการตัดสินใจของ นายอนุชา นาคาศัย ด้วยความเข้าใจและเห็นใจ
เข้าใจที่อาจต้องย้ายไปอยู่ “รวมไทยสร้างชาติ”
เห็นใจที่จำเป็นต้องแยกทางกันเดินกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ต้องแยกทางกันเดินกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ร่วมอยู่ด้วยกันตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย
การเข้าไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ด้วยความสุกงอม และตระหนักในบทบาทและความหมายอันเต็มเปี่ยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่ว่าจะในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์และกำหนดนโยบาย ไม่ว่าจะในฐานะบัญชีรายชื่ออันดับ 1
อาจกล่าวได้ว่าบารมีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจมีผลสะเทือน แต่กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้วในพื้นที่ชัยนาท ล้วนเป็นการสะสมมาอย่างยาวนานของ นายอนุชา นาคาศัย
ที่ นายอนุชา นาคาศัย จำเป็นต้องตัดสินใจมิใช่เพราะการเข้ามาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์
หากเหตุผลแท้จริงก็เนื่องจาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ต้องยอมรับว่านับแต่เข้าไปอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ นายอนุชา นาคาศัย เล่นบทหัวหมู่ทะลวงฟันให้กับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มาอย่างต่อเนื่อง
จึงมิได้ปะทะกับ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค หากแต่ปะทะกับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค
ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ไปอยู่กระทรวงพลังงาน การต่อรองให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไปอยู่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กลับกลายเป็นว่าได้ไปอยู่กระทรวงอุตสาหกรรม กลับกลายเป็นว่าได้ไปอยู่กระทรวงยุติธรรม จึงมีความฝังใจกับตำแหน่งเลขาธิการพรรคของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นพิเศษ
เมื่อสามารถกดดันจนได้ชัยเหนือ “4 กุมาร” จึงเข้าไปยึดครองตำแหน่งเลขาธิการพรรคมาจาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
แม้การหวนคืนพรรคพลังประชารัฐของ นายอุตตม สาวนายน และของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ห่างไกลอย่างยิ่งกับตำแหน่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค
แต่ฝุ่นที่เคยตลบจากเหตุการณ์ในอดีตก็ยังฝังจำประทับใจ
ในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนในทางการเมืองจึงมีความเป็นไปได้ที่ นายอนุชา นาคาศัย จะไต่ยอดคลื่นแห่งความผันผวน จรออกจากพรรคพลังประชารัฐ
