บทบรรณาธิการ - ตรวจสอบเข้มข้น

ที่ประชุมรัฐสภาลงมติเห็นชอบนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรคหนึ่ง ด้วยคะแนน 482 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้ง 2 สภา

นายวิษณุ เครืองาม รักษาการรองนายกฯ ระบุกรอบเวลาหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีน่าจะได้รายชื่อภายใน 1 สัปดาห์ และส่งให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบประวัติอีก 1 สัปดาห์

จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการทูลเกล้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ แล้วภายใน 15 วัน รัฐบาลใหม่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าจะบริหารราชการแผ่นดิน และจะดำเนินการสิ่งใดอย่างไร

คาดเร็วที่สุดราวกลางเดือนก.ย. รัฐบาลใหม่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นทางการ

การจัดตั้งรัฐบาลผสม 11 พรรคการเมือง โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำหลักออกแถลงการณ์ข้อตกลงร่วมกัน จะนำนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้เป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ

เช่น ดิจิทัล วอลเล็ต, ที่ดินทำกิน, ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570, เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท, เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ, เพิ่มราคาพืชผลเกษตร, แก้ปัญหาความขัดแย้ง, สร้างสันติภาพชายแดนภาคใต้, กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ และแก้รัฐธรรมนูญ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต

หากพรรคร่วมจะนำนโยบายเข้ามาบูรณาการร่วม ก็พร้อมปรับเสริม หรือประสานให้เป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด และนำมาจัดทำเป็นนโยบายร่วมกัน เพื่อแถลงต่อรัฐสภาต่อไป

เหล่านี้คือสิ่งที่ให้ไว้ต่อสังคมของรัฐบาลผสม 11 พรรค ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ

ขณะที่พรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ได้เป็นรัฐบาล ประกาศท่าทีต่อจากนี้จะทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน โดยจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ทำงานอย่างสุดความสามารถ

ทั้งด้านการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า ผลักดันวาระประชาชนผ่านกลไกต่างๆ ของสภา รวมทั้งทำงานกับประชาชนนอกสภา เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมร่วมกันอย่างไม่ท้อถอย

จากนี้เมื่อประเทศขับเคลื่อนภายใต้การนำของนายเศรษฐาเป็นนายกฯ และพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำหลัก สังคมคาดหวังว่าจะสร้างความแตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อน โดยเฉพาะในช่วง 9 ปีหลัง

ขณะเดียวกันก็จะถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากฝ่ายค้าน รวมทั้งสังคมเฝ้าจับตามอง ร่วมตรวจสอบ และเรียกร้องอย่างเข้มข้นด้วยเช่นกัน