FootNote:ฐานะ ก้าวไกล ประชาธิปัตย์กับ ผลการเลือกตั้ง “ระยอง”
คะแนนกว่า 3.9 หมื่นที่เบอร์ 1 นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ แห่งพรรคก้าวไกล ได้มาจะมีผลสะเทือนทางการเมืองมากน้อยเพียงใด จำเป็นต้องมองความหมายและความต่อเนื่อง
ที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ รากฐานแห่งการได้มา ซึ่งจำนวน 3.9 หมื่นคะแนน ดำรงอย่างไร
ขณะเดียวกัน หากมองจากความเป็นจริงแห่งคะแนนจำนวน 2.6 กว่าที่ นายบัญญัติ เจตนจันทร์ เบอร์ 2 ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้มาก็เป็นตัวเลขที่งดงาม
เนื่องจากในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คะแนนของ นายบัญญัติ เจตนจันทร์ คือ 1.5 หมื่นคะแนน จำนวนกว่า 1 หมื่นคะแนนที่เพิ่มมา น่าจะถือเป็นความสำเร็จ
เพียงแต่ความไม่สำเร็จนี้ยังไม่ถือว่าเป็นชัยชนะ เนื่องจากยังห่างไกลจากจำนวน 3.9 หมื่นคะแนนของเบอร์ 1 จากพรรคก้าวไกลเป็นอย่างมาก
คำถามที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะต่อพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะต่อพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ จำนวนกว่า 1 หมื่นคะแนนอันผู้สมัครจากทั้ง 2 พรรคได้มามีรากฐานอย่างไร
หรือว่าทั้งหมดนี้เป็นอาการ “ไหล” ของคะแนนที่มีอยู่ในพื้นที่
Advertisement
น่ายินดีที่มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีปทุมและดีโหวต อย่างฉับพลันทันใด เพื่อประสานกับการสำรวจเดิมระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม
เป็นการสำรวจผ่านคำถาม “หากมีการเลือกตั้งใหม่ในวันนี้คุณจะเลือกพรรคการเมืองใด”
ผลการวิเคราะห์ปรากฏออกมาว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 11 กันยายน คะแนนพรรคก้าวไกลคิดเป็นร้อยละ 58.72 ขณะที่เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม เป็นร้อยละ 30.40
ความแหลมคมเป็นอย่างมากอยู่ที่คะแนนของพรรคก้าวไกล ที่ได้มาในเดือนกันยายน มากกว่าในเดือนพฤษภาคม ทั้งที่ปริมาณผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแตกต่างกัน
นั่นก็คือ เมื่อเดือนพฤษภาคมมีผู้มาใช้สิทธิ 95,523 ขณะที่เดือนกันยายนมีผู้มาใช้สิทธิ์ 69,284
จึงเด่นชัดว่าจำนวนร้อยละ 58.72 ของคะแนนที่ปรากฏผ่านตัวผู้สมัครเบอร์ 1 ดำรงอยู่บนฐานแห่งความเป็นจริง ที่แม้ว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจะลดน้อยลง
ตรงนี้จึงยิ่งจำเป็นต้องศึกษาถึง “ราก” ที่มาของ “คะแนน”
เนื่องจากตัวเลขนี้คือรูปธรรมแห่งคะแนนและความนิยมที่ได้เพิ่มขึ้น และมีความเป็นไปได้ว่า น่าจะมาจากคะแนนของทั้งพรรค ฝ่ายค้านเดิมและพรรคร่วมรัฐบาลเดิม
ยืนยันว่าการดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกล มีลักษณะดูดดึงคะแนนและความนิยมมาจากพรรคการเมืองอื่นมากยิ่งขึ้น
เป็นคำถามไปยังพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย