ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ เครือข่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐ

โดยเห็นชอบหลักการและแนวทางการแก้ปัญหาต่างๆ อาทิ ยุติแจ้งความดำเนินคดี ชะลอการดำเนินคดี และนำเข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรมประชาชน

ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ มติครม. ให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหา แต่งตั้งคณะอนุกรรมการโดยมีสัดส่วนระหว่างหน่วยงานของรัฐกับภาคประชาชนที่เท่ากัน นำข้อเสนอไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เป็นต้น

ล่าสุดรัฐบาลตั้งคณะอนุกรรมการ 7 คณะแก้ปัญหาด้านต่างๆ โดยมีระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวข้องเป็นประธานคณะ

ากมติครม.ดังกล่าวเป็นที่พอใจของพีมูฟ ซึ่งเป็นประชาชนระดับล่างต่างจังหวัด และผู้คนชุมชนเมือง ที่เดินทางมาปักหลักเรียกร้องในกรุงเทพฯ นานครึ่งเดือน

ก่อนยินยอมสลายการชุมนุม พร้อมกับแถลงการณ์ถึงท่าทีต่อข้อตกลงตามที่ปรากฏในมติครม. ซึ่งเห็นชอบในหลักการและแนวทางแก้ปัญหา จนนำไปสู่การตั้ง 7 คณะอนุกรรมการ

โดยพีมูฟยืนยันจะยังใช้การเมืองบนท้องถนน เพื่อติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และจะยังใช้ทุกกลไก ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ผลักดันข้อเรียกร้องอย่างถึงที่สุด

สุดท้ายหากภายหลังรัฐบาลแสดงท่าที ไม่จริงใจต่อการแก้ปัญหา หรือจะสร้างผลกระทบด้วยการผลักดันนโยบายที่ เอื้อพวกพ้องและกลุ่มทุน ก็พร้อมจะกลับมาชุมนุมอีก

ารรับข้อเรียกร้องจากเครือข่ายประชาชน จนกระทั่งนำไปสู่การตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาของรัฐบาล ยังต้องติดตามต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างจริงจังแค่ไหน หรือเพื่อแค่ให้เลิกชุมนุมแล้วกลับบ้านเท่านั้น

นอกจากพีมูฟแล้วยังเหลือสมัชชาคนจน เครือข่ายภาคประชาชนอีกกลุ่มที่ได้รับความเสียหายจากโครงการพัฒนาของรัฐเช่นกัน เป็นปัญหาสะสม หลายสิบปี และขณะนี้ชุมนุมใกล้ทำเนียบรัฐบาลหลายวันแล้ว

โดยส่วนใหญ่เดือดร้อนปัญหาที่ดินทำกินทับซ้อนเขตป่า ที่ราชพัสดุ เรียกร้องค่าชดเชยที่เป็นธรรมจากการสร้างเขื่อน อาทิ เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี เขื่อนราษีไศล จ.ศรีสะเกษ จ.สุรินทร์ และจ.ร้อยเอ็ด เป็นต้น

คาดหวังว่ารัฐบาลจะเร่งรัดเจรจาหาข้อยุติ นำไปสู่การตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาเช่นเดียวกับพีมูฟ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน