ที่ประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยมีมติเลือกน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แทน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่ลาออกเมื่อปลายเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 23 คน ซึ่งเป็นนักการเมืองหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่

น.ส.แพทองธารแสดงวิสัยทัศน์ ประกาศจะนำพรรคเพื่อไทยกลับมา “ยืนหนึ่ง” ในใจประชาชน หลังพ่ายแพ้ให้กับพรรคก้าวไกลที่เฉือนชนะพรรคเพื่อไทยไปในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด

พรรคเพื่อไทยนั้น เคยยืนหนึ่งมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน ในการเลือกตั้งปี 2554 เพื่อไทยชนะเป็นอันดับหนึ่ง 265 ที่นั่ง แต่ในการเลือกตั้งปี 2566 กลับพ่ายแพ้ให้กับพรรคก้าวไกล

นั่นทำให้พรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของน.ส.แพทองธาร ต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่

ทันทีหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ขอให้คณะบริหารพรรคชุดใหม่ ถอดบทเรียนทบทวนการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อทำให้พรรคกลับมายืนอยู่ในใจประชาชน ในฐานะพรรคอันดับหนึ่งอีกครั้งอย่างยั่งยืน เป็นภารกิจยิ่งใหญ่และสําคัญ

น.ส.แพทองธาร เริ่มงานในพรรคเพื่อไทย ด้วยตำแหน่งประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน และนายชัยเกษม นิติสิริ

มีส่วนร่วมในงานสำคัญของรัฐบาล ได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานคณะกรรมการซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ และรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

ตอกย้ำกระแสฝึกงาน เตรียมเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

การมีนามสกุล “ชินวัตร” อาจทำให้ต้องเผชิญแรงเสียดทานทางการเมือง แต่น.ส.แพทองธารมีภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ การขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฉายชัดถึงกลยุทธ์ต่อสู้แย่งชิงฐานเสียงจากพรรคก้าวไกล

อย่างไรก็ตาม การปรับกลยุทธ์เข้าหาคนรุ่นใหม่ ฐานเสียงใหญ่การเมืองปัจจุบัน ไม่ใช่กุญแจเพียงดอกเดียว ที่จะไขไปสู่ความสำเร็จในการนำพรรคเพื่อไทยกลับมายืนหนึ่ง ได้รับชัยชนะเลือกตั้งครั้งหน้า

กุญแจดอกสำคัญยังขึ้นอยู่กับผลงานบริหารประเทศของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน

กล่าวคือหาก “รัฐบาลเศรษฐา” ยืนระยะได้นาน พลิกฟื้นเศรษฐกิจสำเร็จ ผลงานเข้าตาประชาชน โอกาสที่ประเทศจะมีนายกฯ หญิงคนที่สอง ก็เป็นไปได้สูง แต่ถ้าไม่ โอกาสกลับมายืนหนึ่ง ก็จะยากขึ้นหลายเท่าตัว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน