หลังเปิดให้สมาชิกอภิปรายรวม 3 วัน ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวน 3.48 ล้านล้านบาทในวาระแรก
ด้วยมติ 311 ต่อ 177 และงดออกเสียง 4 แม้เสียงของฝ่ายรัฐบาลจะขาดหายไปบางส่วน แต่ก็ได้เสียงจากพรรคฝ่ายค้านมาเพิ่มให้อย่างน้อย 3 เสียง
จากนั้น ที่ประชุมเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาลงลึกในรายละเอียดจำนวน 72 คน จากคณะรัฐมนตรี 18 คน และพรรคการเมือง 54 คน
กำหนดแปรญัตติภายใน 15 วัน และพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน โดยคณะรัฐมนตรีมีมติให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ
สำหรับแนวทางการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญนั้น ทำได้ทั้งพิจารณาเรียงลำดับมาตรา หรือหยิบยกกระทรวงที่มีความสำคัญขึ้นมาพิจารณาก่อนก็ได้
ในชั้นนี้กระทำโดยการซักถาม โดยผู้ชี้แจงคือ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และอธิบดีหรือหัวหน้าหน่วยงานจะต้องชี้แจงรายละเอียด โดยนำข้อมูลและเหตุผลต่างๆ อธิบายให้กรรมาธิการทราบ
จากนั้น จะนำเสนอร่างพระราชบัญญัตินี้และรายงานของคณะกรรมาธิการต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาในวาระสองต่อไป
แต่การพิจารณาหรือการเสนอการแปรญัตติหรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้มีส่วนไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายจะกระทำมิได้
ต้องยอมรับว่าการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีครั้งนี้มีความล่าช้ากว่าปฏิทินปีงบประมาณอย่างมาก ส่วนใหญ่จึงล้ออาศัยร่างจากรัฐบาลเดิมเป็นหลัก
ทำให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่างอภิปรายและตั้งข้อสังเกตไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ เป็นงบประมาณที่ไม่สามารถแก้วิกฤตการณ์ของประเทศได้
จึงหวังว่าการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญและการแปรญัตติต่างๆ จะทำให้งบประมาณนี้มีความสมดุล สมบูรณ์และสนองตอบประชาชนมากขึ้น
จริงๆ แล้วระยะการใช้จ่ายงบประมาณฉบับนี้มีเพียง 4 เดือน จากนั้นก็จะต้องจัดทำงบประมาณปีถัดไป ซึ่งหวังว่ารัฐบาลชุดนี้จะดำเนินการอย่างมียุทธศาสตร์และตรงกับนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา