FootNote:ผลสะเทือน ปมร้อน การเมือง อ่านผ่าน ปฏิกิริยา “ผังเมือง”
ปฏิกิริยาที่สะท้อนขึ้นในระหว่างการทำประชาพิจารณ์ “ผังเมืองกรุงเทพมหานคร” คือสัญญาณ “เตือน” อันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง
เตือนให้ตระหนักว่า การเมืองมิได้อยู่ในลักษณะ “ขานรับ” อย่างเชื่องๆเหมือนที่เคยเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในอดีต
ต้องยอมรับว่า “กรุงเทพมหานคร” ดำรงอยู่ประดุจ “คนกลาง”
มิใช่คนกลางระหว่างสำนักผังเมืองกับประชาชน หากแต่ที่สำคัญ คือคนกลางระหว่างประชาชนกับคณะกรรมการผังเมืองแห่งชาติอันเกิดขึ้นตามกฎหมายผังเมือง
ยิ่งการประชุมขยายวงมากไปเท่าใด ปฏิกิริยาจากความรู้สึก และความเห็นของประชาชนยิ่งขยายกลายเป็นวงกว้าง กลายเป็นคำถามในเรื่องผังเมือง กลายเป็นคำถามในเรื่องการเมือง
หากถามว่าผลสะเทือนอันเป็นมูลฐานแห่ง “ปฏิกิริยา” ที่เกิดขึ้นจะประเมินได้อย่างไร คำตอบต้องประเมินผ่านการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งอย่างน้อยก็ 2 ครั้งในห้วง 1 ปีที่ผ่านมา
1 ย่อมเป็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร 1 ย่อมเป็นการเลือกตั้งสส.อย่างเป็นการทั่วไป
ผลการลงคะแนน ผลการเลือกตั้งนั่นแหละเป็น “คำตอบ”
ถามว่าคะแนนเสียงที่ส่งให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ทะยานเข้าไปดำรงตำแหน่งเป็น “ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร” มีรายละเอียดอย่างไร
คำตอบจากคะแนนเสียงเป็นล้าน เป็นคำตอบที่มอบและไว้วางใจต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นอย่างสูง
นี่คือรากฐานทางการเมืองของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากชัยชนะของพรรคก้าวไกลที่ ได้รับเลือกจำนวน 32 จาก 33 เขต ย่อมบ่งสะท้อนอย่างชัดเจนว่าคนกรุงเทพมหานครให้ความนิยมและไว้วางใจพรรคการเมืองใด
ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนกับสโลแกนในห้วงแห่งการหาเสียง ที่นำเสนอโดยพรรคก้าวไกล นั่นก็คือกาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
รูปธรรมที่ไม่เหมือนเดิมยืนยันผ่านปฏิกิริยาต่อ “ผังเมือง” ใหม่
หากมองจากความเป็นจริงที่ว่ากรุงเทพมหานครเป็นศูนย์รวมแห่งการเมือง การปกครองของประเทศ การเคลื่อนไหวแต่ละการเคลื่อนไหวย่อมส่งผลสะเทือน
เหมือนกับเป็นผลสะเทือนของการเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกทม.”
เหมือนกับเป็นผลสะเทือนของการเลือกตั้งสส.อย่างเป็นการทั่วไป ที่ปรากฏออกมาว่าพรรคก้าวไกลได้รับเลือกเป็นอันดับ 1 ได้ ความไว้วางใจสูงสุดเมื่อเทียบกับทุกพรรคการเมือง
มั่นใจได้เลยว่าปฏิกิริยาจากกรณี “ผังเมือง” กรุงเทพมหานครจะกระจายขยายเป็นปฏิกิริยาในขอบเขตทั่วประเทศอีกไม่นาน