ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 แล้ว
ลงนามโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 เป็นอนุบัญญัติที่ออกตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564
สาระสำคัญคือการมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ในปริมาณเล็กน้อยตามที่กำหนดไว้ตามประกาศนี้
ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ได้แก่ ยาบ้าหรือแอมเฟตามีนไม่เกิน 5 เม็ด ยาไอซ์ไม่เกิน 100 มิลลิกรัม และเฮโรอีนไม่เกิน 300 มิลลิกรัม
ประกาศนี้ ออกมาเหตุการแพร่ระบาดของยาเสพติดในประเทศอย่างหนักตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้รัฐบาลจะระดมสรรพกำลังทุกด้านปราบปราม กวาดล้าง แต่ก็ยังไม่สามารถขจัดให้ลดความรุนแรงลงได้
การแยกผู้เสพและครอบครองไว้เสพออกจากขบวนการค้ายาเสพติด จึงเป็นกุศโลบายอันแยบยลที่จะดำเนินการควบคู่และขนานกันไปกับการปราบปรามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่
รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน กำเนิดมาจากพรรคเพื่อไทย ที่มีนโยบายมุ่งมั่นที่จะขจัดยาเสพติดให้ลดลงจงได้ อีกทั้งพรรคการเมืองอื่นๆ ก็มีแนวทางลักษณะเดียวกัน จึงผนึกเป็นนโยบายร่วมที่สำคัญของรัฐบาลนี้
เนื่องจากแหล่งผลิตยาเสพติดรายใหญ่อยู่ในพื้นที่ดินแดนของประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก การกำจัดต้นตอแหล่งกำเนิดของมหันตภัยนี้จึงแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย
Advertisement
เมื่อรัฐบาลกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพสำเร็จแล้ว จึงจำเป็นจะต้องหาวิธีช่วยเหลือบำบัดผู้เสพให้เลิกละยาเสพติดอย่างถาวรด้วย
นอกจากนี้ จำเป็นจะต้องเฝ้าระวังเล่ห์กลวิธีการของขบวนการค้ายาเสพติดที่อาจใช้ช่องว่างและรูโหว่นี้ ในการแพร่กระจายออกไปยังผู้เสพ รวมถึงการให้ผู้เสพเป็นผู้มีส่วนร่วมในการค้าด้วย
การสอบสวนขยายผลจากการจับกุม เพื่อนำไปสู่ต้นทางทั้งที่เป็นรายย่อย รายใหญ่ ตลอดจนเอเยนต์ที่เป็นแหล่งกระจาย ยังต้องเข้มงวดและยกระดับขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีมาตรการเข้มข้น ลงโทษอย่างหนักกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีผลประโยชน์กับขบวนการค้ายาเสพติดทั้งโดยตรงโดยอ้อม ก็จะเป็นอีกแนวทางที่ส่งเสริมการปราบปรามในปัจจุบัน