FootNote แนวทาง จำนวน ประชากร ภาวะ ย้อนแย้ง ใน “สังคม”
ทั้งนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนโยบายของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พุ่งเน้นข้อเรียกร้องไปยัง “วิกฤตประชากร” อย่างเป็นเอกภาพ
สัมผัสได้จากความมุ่งมั่นของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รับรู้ได้จากความห่วงใยจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา
เป็นเอกภาพทาง “ความคิด” นำไปสู่เอกภาพทาง “ปฏิบัติ”
สะท้อนให้เห็นถึงความวิตกในการแปรเปลี่ยน “โครงสร้าง” ในทางสังคมอย่างใหญ่หลวง นั่นก็คือ ได้เกิดภาวะไม่สมดุลเนื่องแต่ความต่างในเรื่องการเกิดและการตาย
ภาวะไม่สมดุลที่ส่อแนวโน้มว่าจะเป็น “สังคมสูงวัย” เช่นนี้มิได้เกิดขึ้นและดำรงอยู่เฉพาะในสังคมไทยเท่านั้น หากแต่คือลักษณะทั่วไปของทั้งโลก
จึงได้ยินคำประกาศจากคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือ จึงได้ยินคำประกาศจากปูตินแห่งรัสเซีย เป็นเสียงเดียวกันกับความกังวลของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายวราวุธ ศิลปอาชา แห่งไทย
เป็นคำประกาศที่เรียกร้องไปยัง “คนรุ่นใหม่” และกำลังกลายเป็นคำเรียกร้องอันว่างเปล่า เลื่อนลอย
Advertisement
เนื่องจากเป็น “ข้อเสนอ” ที่ไม่ได้รับ “การซื้อ” จากคนรุ่นใหม่
รูปธรรมอย่างเด่นชัดในกรณีของประเทศไทย นั่นก็คือตัวเลขล่าสุด จากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ยืนยันถึงจำนวนประชากรที่ลดลงจากเดิมมากถึง 3 ล้าน
ยืนยันว่าแนวทางเพิ่ม “ประชากร” ตั้งแต่ยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นต้นมาไม่ประสบความสำเร็จ
ปรากฏการณ์ที่ไม่ควรมองข้ามอันทำให้จำนวนประชากรลดลงเป็นลำดับ ไม่เพียงแต่เกิดการไม่ขานรับและขยายวงไปจนถึงขั้นต่อต้านนโยบายของรัฐบาลโดยตรง
หากอีกปัจจัยหนึ่งซึ่งกลายเป็นคำถามที่มากด้วยคำตอบยิ่งขึ้นเป็นลำดับ คือ ความคิดในเรื่องย้ายถิ่นฐานอันสอดรับกับลักษณะ “โลกาภิวัฒน์” ในยุคสมัยใหม่
แม้สาเหตุโดยมูลฐานจะมาจากความสำเร็จในเรื่องสาธารณสุขทำให้คนอายุยืน แต่ในมูลฐานแห่งการไม่ขานรับเป็นการเมือง
เป็นการเมืองแห่งความไม่มั่นใจ แห่งความหมดหวัง
จากแต่ละสาเหตุที่ก่อรูปขึ้นเมื่อประสานเข้ากับความเรียกร้องต้องการของรัฐบาลในการเพิ่มจำนวนประชากรจึงดูย้อนแย้ง
ย้อนแย้งกับคำประกาศ ใครไม่อยากอยู่ก็ “จงออกไป”
ครั้งหนึ่ง เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของดารายอดนิยมเป็นเรื่องที่กลายเป็น “ไวรัล” อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อออกมาจากของนักการเมืองที่ไล่ปรปักษ์ของตนออกไปก็เกิดความแปลกแปร่ง
แปลกแปร่งและแย้งขัดกับนโยบายเพิ่มจำนวน “ประชากร” อย่างมีนัยซับซ้อน