จากการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีสั่งการในที่ประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในฤดูฝนปีนี้ โดยอยากให้เตรียมการรับมือป้องกันให้ดีที่สุด
จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เน้นการเตือนภัยให้ประชาชนรู้ล่วงหน้าว่าอาจจะเกิดอุทกภัย หรือภัยจากฝนตกหนัก
พร้อมกำชับว่าหากพื้นที่ไหนที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ก็อย่ารอให้ฝนตกจนน้ำท่วม แต่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปเตรียมความพร้อมรับมือในพื้นที่
รวมทั้งขอความร่วมมือจากกองทัพ และกระทรวงกลาโหม เข้าไปช่วยสนับสนุนการทำงานของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
สำหรับสถานการณ์ฝนตกหนัก น้ำท่วม และน้ำป่าไหลหลากในปัจจุบันนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่าเกิดสถานการณ์หนักที่ จ.ตราด และ จ.จันทบุรี ขณะนี้อ่างเก็บกักน้ำในภาคตะวันออกแทบจะเต็มความจุแล้ว
ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นได้วางแผนรับมือแล้ว ซึ่งจากรายงานพบว่าปีนี้ปริมาณฝนมากกว่าปีที่ผ่านมา และเตรียมการไปตรวจสอบทุกจุดบริเวณลุ่มแม่น้ำมูน และลุ่มแม่น้ำชี
ขณะเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยรายงานผลตรวจสอบระดับน้ำในภาคอีสาน พบว่าแม่น้ำชีสูงกว่าปีที่แล้ว ขณะที่แม่น้ำโขงยังอยู่ระดับต่ำ จึงมีข้อเสนอให้กรมชลประทานเร่งพร่องน้ำในช่วงนี้
คือแผนการส่วนหนึ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนัก น้ำท่วม และน้ำป่าไหลหลาก
ประเทศไทยอยู่ในร่องมรสุม จะส่งผลเกิดฝนตกหนักในช่วงฤดูฝนเป็นประจำทุกปี นำไปสู่น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะช่วงเดือนส.ค.ไปจนถึงเดือนต.ค.
นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลจากลมพายุจะส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนมากขึ้นกว่าเดิม ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และต่อเนื่องไปถึงภาคใต้ในช่วงปลายปี
นับเป็นเรื่องดีที่นายกฯ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งไปวางแผนรับมือป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที พร้อมเน้นย้ำระบบการแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบล่วงหน้า
เรื่องของภัยธรรมชาติ ภัยสาธารณะ แม้จะยากแก่การคาดเดาพยากรณ์ แต่ถ้าเตรียมการรับมือไว้ก่อน ก็จะช่วยให้ทุเลาบรรเทาได้โดยเร็ว