บทบรรณาธิการ - คดีไหม้ลามถึงพระ

คดีความบริษัทขายตรงชื่อดัง ดิ ไอคอน กรุ๊ป ที่อยู่ระหว่างหลายหน่วยงานตรวจสอบ ดำเนินคดีและขยายผลขณะนี้ เบื้องต้นพบว่ามีความเสียหายจำนวนมาก

โดยเฉพาะความเดือดร้อนของผู้ร่วมลงทุน ที่พบว่าส่วนใหญ่ประสบกับภาวะสิ้นเนื้อประดาตัว มีหนี้สิน บางรายถึงขนาดตัดสินใจปลิดชีวิตตนเอง

น่ายินดีที่ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก ให้ผู้เสียหายในคดีดังกล่าว สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ

ล่าสุด บรรดาแกนนำที่ดำเนินธุรกิจอย่างละโมบกลุ่มนี้ ถูกจับกุม แจ้งข้อหาและสอบสวนขยายผลโดยถ้วนทุกคนแล้ว เหลือแต่ผู้มีส่วนร่วม ผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีตามโทษานุโทษเช่นกัน

คดีนี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อผู้เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยังลามถึงฝ่ายการเมือง ทั้งที่มีหลักฐานเรียกรับผลประโยชน์ และที่อาจอยู่หลังฉาก ซึ่งต้องรอพยานหลักฐานและเส้นทางเงินว่าจะสาวไปถึงหรือไม่

นอกจากนี้ ยังขยายวงไปถึงพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ระดับพระราชาคณะชั้นสามัญ เปรียญ 9 ประโยค นักเขียน นักเทศน์ นักวิปัสสนาที่มีชื่อเสียงระดับประเทศด้วย

อันเนื่องจากกลุ่มบุคคลระดับที่เรียกว่าบอสเข้าหา กราบไหว้ ปวารณาตัวเป็นศิษย์เพราะความเลื่อมใส และให้ความอุปถัมภ์ บริจาคทรัพย์สินเงินทอง

ที่เป็นประเด็นให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อกังขาสงสัย ได้แก่ คำเทศนาบางบทบางตอนที่ยกย่อง อวยล้น จนเสมือนประหนึ่งว่าจงใจสนับสนุนธุรกิจ รวมถึงการตอบโต้คนวิจารณ์ที่สุ่มเสี่ยงละเมิดกฎหมาย

ล่าสุด มีบุคคลและทนายความบางคนเข้าแจ้งความดำเนินคดีรวมถึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเส้นทางเงินจากการบริจาคด้วย ซึ่งต้องรอข้อมูลข้อเท็จจริงต่อไป

ขณะเดียวกัน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็ทำหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ต้นสังกัดของพระเถระรูปดังกล่าว ขอให้ตรวจสอบอาจาระ รวมถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับพระเถระที่เป็นเป้าถูกกล่าวหาวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน ซึ่งต่อจากนี้ไปน่าจะเป็นบทเรียนสำหรับพระสงฆ์ว่าจะมีขอบเขตในการเทศน์อย่างไร

มีแต่การยึดกุมหลักการอย่างมั่นคงเท่านั้น ที่จะทำเรื่องนี้ให้กระจ่างยุติได้ คือให้ความเป็นธรรมกับพระสงฆ์ด้วยพระธรรมวินัยแต่ไม่ละเลยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง