เมื่อวันที่ 15 พ.ย. นายยรรยง พวงราช อดีตรมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ท่ามกลางวิกฤติการณ์ราคาข้าวที่พี่น้องชาวนากำลังได้รับความทุกข์เดือดร้อนแสนสาหัสอยู่ในขณะนี้ ปรากฎว่าชาวนาจำนวนมากได้พยายามดิ้นรนช่วยเหลือตนเองโดยการนำข้าวออกขายเองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และได้รับการตอบสนองอย่างดีจากหลายฝ่าย รวมทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ประหลาดใจ คือการที่นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ และอีก 2-3 คน ออกมาโจมตีอดีตนายกฯว่าเป็นผู้ทุบราคาข้าวให้ตกต่ำ ซึ่งได้ชี้แจงให้ข้อมูลที่ถูกต้องไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ปรากฎว่าถูกนายวรงค์ตอบโต้และเห็นว่าเป็นตรรกะวิบัติทั้งสิ้น และความเห็นส่วนตัวของตน ไม่อยากจะฟันธงว่านพ.วรงค์โง่จริงหรือแกล้งโง่ เพราะอาจจะไม่เป็นธรรม

จึงขอเสนอคำถามเพื่อให้นพ.วรงค์ ตอบเพื่อจะได้รู้ว่าเขาโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ ดังนี้ 1. นพ.วรงค์ รู้หรือไม่ว่าราคาข้าวตกตํ่าต่อเนื่องมาเกือบ 3 ปีแล้ว แต่ขณะนี้ถึงจุดวิกฤติเพราะราคาข้าวเปลือกหอมมะลิตกตํ่ากว่าตันละ 1 หมื่นบาท เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ส่วนข้าวเปลือกเจ้าราคาก็ตกต่ำเหลือตันละ 5-6 พันบาท ซึ่งเป็นราคาข้าวก่อนที่ท่านอดีตนายกฯจะช่วยรับซื้อข้าวจากชาวนาไปช่วยขาย 2.รู้หรือไม่ว่าผลผลิตข้าวนาปีฤดู 2559/2560 นี้ จะออกมากกว่าปรกติคือเกือบ 30 ล้านตัน โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิอาจจะถึง 9-10 ล้านตัน (ปรกติผลผลิตปีละประมาณ 8 ล้านตัน) ข้าวเจ้าและข้าวอื่นๆอีกเกือบ 20 ล้านตัน ทั้งนี้เพราะถูกอั้นมาจากปีก่อนๆที่ถูกสั่งให้ลดพื้นที่และชะลอการเพาะปลูกด้วยสาเหตุต่างๆ

3.นพ.วรงค์ รู้หรือไม่ว่าราคาข้าวในประเทศขึ้นอยู่กับราคาข้าวในตลาดโลกซึ่งมีราคาส่งออกข้าวไทย (ราคาFOB) เป็นตัวชี้นำ เพราะไทยส่งออกข้าวเกือบ 1 ใน 3 ของตลาดโลก หรือประมาณ 9-10 ล้านตันจากที่ค้าในตลาดโลกประมาณ 30ล้านตัน ราคาข้าวที่กำลังตกตํ่าอย่างรุนแรงขณะนี้มีต้นทางจากความผันผวนของตลาดโลกซึ่งกำลังรอดูผลผลิตฤดูใหม่ จีนยังไม่ได้กำหนดโควต้านำเข้า ผู้นำเข้าข้าว เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ยังรอดูสถานการณ์ เมื่อยังไม่มีออเดอร์ผู้ส่งออกก็ยังไม่รับซื้อข้าวจากโรงสีประกอบกับยังมีสต็อกข้าวเก่าปี2558/59 อยู่อีกถึง2-3 ล้านตัน จึงมีผลต่อเนื่องทำให้โรงสีขาดกำลังซื้อไปด้วย กลไกตลาดทุกส่วนจึงขาดสภาพคล่อง (ราคาข้าวตกตํ่าไม่ได้เกิดจากการทุบราคาแต่เกิดจากภาวะตลาดที่ไม่ได้มีการบริหารจัดการที่ถูกต้อง อดีตนายกฯไม่ได้ทุบราคาแต่ทำตรงข้ามคือต้องการช่วยพยุงราคาข้าวไม่ให้ตกตํ่าลงอีก)

4.นพ.วรงค์ รู้หรือไม่ว่าการที่ชาวนาส่วนหนึ่งนำผลผลิตของตัวเองออกขายให้ผู้บริโภคโดยตรงโดยไม่ผ่านกลไกตลาดปกติ นับได้ว่าเป็นการสร้างทางเลือกใหม่และเพิ่มอำนาจต่อรองให้ตนเอง เพราะเท่ากับตัดกลไกตลาดที่เคยกินส่วนต่างถึงประมาณ50%ออกได้ (ค่าปรับปรุงคุณภาพค่าบรรจุถุง ค่าขนส่ง ค่าวางขาย ค่าโฆษณา ค่าส่งเสริมการขาย) ปรกติกลไกตลาดส่วนนี้จะผลักภาระให้ชาวนาโดยการหักจากราคารับซื้อข้าวเปลือก (แต่ท่านอดีตนายกฯรับซือข้าวเปลือกจากชาวนามาขายโดยรับภาระต้นทุนการผลิตและการตลาดไว้เอง)

และ5.นพ.วรงค์ รู้หรือไม่ว่าอดีตนายกฯได้รับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาตัวจริงตันละ 12,000 บาท ในขณะที่ราคาที่ตลาดรับซื้อยังไม่ถึง 1 หมื่นบาท จึงทำให้ชาวนาพอใจและมีความสุขตั้งแต่เมื่อได้ขายข้าวราคาสูงกว่าตลาดและพบว่ามีทางเลือกเพิ่มขึ้นคือสามารถพึ่งตนเองได้โดยไม่ต้องผ่านกลไกตลาดปรกติ สำหรับชาวนาที่ยังไม่ได้ขายข้าวก็มองเห็นแสงสว่างคือสามารถขายข้าวเองได้โดยไม่ต้องถูกผลักภาระหักราคาเป็นค่าใช้จ่ายด้านการตลาดอีกต่อไป และไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาทุบราคาข้าวให้ตํ่าลงได้อีก (การที่ท่านอดีตนายกฯขายข้าวสารในราคา กิโลกรัมละ 20 บาท ซึ่งยังสูงกว่าราคาขายส่งข้าวสารหอมมะลิใหม่เล็กน้อย ก็ไม่มีผลเป็นการทุบราคาข้าวให้ต่ำลงแต่อย่างใดตามข้อเท็จจริงที่ระบุในคำถามข้อ 1-ข้อ 3)

จึงขอให้ช่วยวิเคราะห์ว่านพ.วรงค์จะสามารถตอบได้ถูกต้องแค่ไหน ถ้าตอบได้ถึงร้อยละ 60 ถือว่ามีความรู้จริงแต่แกล้งโง่ แต่ถ้าตอบได้น้อยกว่าร้อยละ 60 ถือว่าโง่จริงๆ เพราะข้อมูลที่ตั้งคำถามเป็นข้อมูลสาธารณะที่เผยแพร่และรู้กันทั่วไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน