“บิ๊กตู่”ยอมรับมีบุคลิกบางส่วนคล้าย “โดนัลด์ ทรัมป์” อ้อนชาวนารัฐบาลช่วยเหลือ จากใจ ไม่โกหก เตรียมลงพบเกษตรกรปทุมธานี 17 พ.ย.นี้ อ้างเดินสายตรวจงานกระทรวงไม่ได้จี้งาน แต่ไปขอบคุณ-แจงยุทธศาสตร์ชาติ “บิ๊กฉัตร”ฮึ่มปลดอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ฉุนแผนช่วยนาแปลงใหญ่เสร็จไม่ทันเสนอครม. “ยิ่งลักษณ์”สวนคนตำหนิขายข้าวช่วยชาวนา โทษคนนั้นคนนี้เกิดประโยชน์อะไร “มาร์ค”ใช้ที่ทำการพรรคปชป. เปิดตลาดขายข้าวราคาถูก “บิ๊กต๊อก”ได้รับ 6,000 ชื่อเอี่ยวชดเชยจำนำข้าว เตรียมสอบใครต้องร่วมจ่ายค่าเสียหาย กกต.”สมชัย”นอตหลุด แถลงจวกกรธ.ฟุ้งซ่าน

ชาวนาขอบคุณนายกฯ

เวลา 09.00 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนการประชุม พล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เข้าพบนายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อหารือมาตรการเพิ่มเติม ช่วยเหลือชาวนาจากปัญหาราคาข้าวตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี

ต่อมานายสุเทพ คงมาก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย นำสมาชิกตัวแทนเจ้าของโรงสีและชาวนาทั่วประเทศ เข้าพบ นายกฯ เพื่อขอบคุณรัฐบาลที่ออกมาตรการช่วยเหลือชาวนา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอบคุณเครือข่ายเกษตรกรที่มาให้กำลังใจ รัฐบาลมีนโยบายให้เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางเพื่อ 1.จะได้เก็บไว้รับประทาน 2.จำหน่าย ไม่ใช่ขายผลผลิตทั้งหมด เราไม่ต้องการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่จะแก้ทั้งข้าวคุณภาพไม่ดี น้ำท่วม น้ำแล้ง เพื่อ ลดต้นทุนและสร้างความเข้มแข็ง แต่ต้อง มีมาตรการเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน โดยจะสนับสนุนเงินช่วยเหลือปัจจัยด้านผลิตด้วย ไม่ได้บอกให้ชาวนาเลิกปลูกข้าว แต่ต้องดูความเหมาะสม หากปลูกแล้วเสียหาย น้ำท่วม ฝนแล้ง จะปลูกไปทำไม การรอการช่วยเหลือไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่แนวทางที่จะนำไปสู่ความเข้มแข็ง สิ่งที่รัฐบาลทำอาจไม่เกิดผลในวันนี้ แต่ในอีก 10-20 ปีข้างหน้าจึงจะเกิดผล

บิ๊กตู่ยันรัฐบาลจริงใจไม่โกหก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลกำลังหารือกับต่างประเทศเพื่อหาทางออกปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ชาวนาเองต้องสร้างความเข้าใจแก่ทุกฝ่าย ยืนยันรัฐบาลไม่ได้สร้างภาพ แต่ต้องการให้เกษตรกรมีรายได้ ทุกอาชีพไม่ว่าโรงสีข้าว หรือชาวประมง ขอให้คัดปลาออกมาขาย จากนั้นกระทรวงเกษตรฯจะหาพื้นที่ขายให้ และต้องตั้งราคาให้เหมาะสม การขายข้าวก็เหมือนกัน ข้าวที่มีคุณภาพจะได้ราคาดี

“แต่ความไม่ไว้วางใจนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว เมื่อจะทำอะไรก็มีคนไม่ไว้ใจ แต่ขอให้รู้ว่าข้าวนาปีลดลงเท่าไร ขาวนาปรังปลูกเท่าไร หรือจะปลูกอย่างอื่นได้หรือไม่ เราหามาตรการช่วยเหลืออยู่ ขอฝากกับทุกคนรัฐบาลทำจากใจจริงๆ ไม่มีโกหก พูดแต่เรื่องจริง” พล.อ. ประยุทธ์กล่าวพร้อมใช้มือทุบหน้าอก

สมาคมชาวนาโต้จัดฉากพบนายกฯ

ด้านนายสุเทพ คงมาก กล่าวว่า มาขอบคุณนายกฯ ในความพยายามแก้ปัญหาราคาข้าว เราไม่ได้ขอเกินเลย แต่ขอในสิ่งที่รัฐบาลทำได้ จึงอยากขอบคุณที่นายกฯให้ความสำคัญและให้ความสนใจชาวนา สำหรับโครงการชะลอขายข้าวเปลือกที่ประกาศมาเฉพาะข้าวหอมมะลิภาคอีสานและภาคเหนือ ขณะที่ข้าวขาวและข้าวหอมปทุมเดือดร้อนเราจะไม่เรียกร้องอะไรมาก แต่อยากให้ช่วยภาคกลางและภาคอื่นๆ ที่ปลูกข้าวด้วย ถ้าประกาศให้จำนำยุ้งฉางได้ก็จะดี

“หลายคนอาจมองว่าการมาของพวกเราวันนี้เป็นการจัดฉากของรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่ นายกฯ ห้ามด้วยซ้ำว่าไม่ต้องมาขอบคุณ แต่ผมบอกไปว่าพวกเราชาวนารู้บุญคุณ ใครดี ก็ขอบคุณและยังให้กำลังใจด้วย ชาวนา พยามยามปรับตัวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 วันนี้แม้ชาวนาภาคกลาง ภาคใต้จะไม่ได้อานิสงส์ จากโครงการชะลอขายข้าวเพราะไม่มียุ้งฉาง แต่ปีหน้าหรือปีต่อไป ถ้าชาวนาปรับตัวได้และมียุ้งฉางของตัวเองแม้ไม่ได้เข้าโครงการจากรัฐบาล ก็ชะลอขายข้าวได้ เพื่อเป็น ทางเลือกของราคา เมื่อรัฐบาลทำมาตรงกับความต้องการเพื่อให้ชาวนาเกิดความยั่งยืนก็ถือว่าลงตัว วันนี้เราจะเดินไปด้วยกันเพื่อพัฒนาข้าว” นายสุเทพกล่าว

ส่วนกรณีนายกฯให้ปรับพื้นที่ปลูกข้าวให้สอดคล้องกับตลาด แต่ชาวนาบางคงยังไม่เข้าใจนั้น นายสุเทพกล่าวว่า คนที่สื่อสาร คำพูดนายกฯ นั้นอาจไม่ชัดเจน แต่ชาวนา เมื่อปลูกแล้วขาดทุนน้ำท่วมเขาก็เปลี่ยน เช่น จ.อยุธยา น้ำท่วมซ้ำซากเป็นพื้นที่แก้มลิงรับน้ำ ชาวนาก็ปรับตัวไปปลูกพืชน้ำ สิ่งเหล่านี้ชาวนาทำอยู่แล้ว ยืนยันว่าการแก้ปัญหาของรัฐบาลถูกจุด และเป็นความยั่งยืน

ศุกร์นี้พบเกษตรกรเมืองปทุม

เวลา 13.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม. กรณีทนายน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เตรียมฟ้อง นายกฯ รมว.คลัง และนายวิษณุ เครืองาม รอง นายกฯ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรณีมีคำสั่ง ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีโครงการ รับจำนำข้าวเป็นเงิน 3.5 หมื่นล้านบาทว่า เรื่องคดีเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ใครจะทำอะไรก็ทำได้ จะฟ้องตน ฟ้องใครก็ไปทำ เพราะตนเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำว่าทำตามกติกาและกฎหมายทุกประการ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการลงพื้นที่จ.ปทุมธานีในวันที่ 18 พ.ย.ว่า ใช้เวลาสั้นๆ ไม่ได้ไปเป็นวัน อาจเดินทางโดยรถยนต์ หรือขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลงไปเยี่ยมชาวนาชาวไร่ และดูการบริหารจัดการน้ำในระดับพื้นที่ ทั้งชลประทานและพื้นที่เกษตรกรรม ต้องมองว่าภาครัฐทำอะไรให้กับเกษตรกรบ้าง และเกษตรกรช่วยตัวเองอย่างไรบ้าง ต้องไปดูว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาและจะแก้ไขอย่างไร จะปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ ดูความเหมาะสมแต่ละพื้นที่

นายกฯกล่าวว่า ขอให้พวกเราช่วยกันทำความเข้าใจว่ารัฐบาลไม่ต้องการวงจรอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่อยากให้เป็นหนี้สิน วันนี้ทุกคนช่วยกันขายข้าว ซึ่งตนก็บอกว่าไม่ใช่เฉพาะขายข้าว วันหน้าต้องขายอย่างอื่นด้วย พืชผัก ปลาต่างๆ ถ้าทำอย่างนี้เงินหมุนเวียนในประเทศ เศรษฐกิจจะดีขึ้น

เลื่อนตรวจงานก.เกษตรฯ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการเดินทางไปตรวจเยี่ยม ติดตามความคืบหน้าการดำเนินนโยบายของกระทรวงต่างๆ ว่า ตั้งใจจะไปเยี่ยมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. แต่ต้องเลื่อนไปก่อน จะไปขอบคุณการทำงาน ไม่ได้ไปไล่งานหรืออะไรต่างๆ การไปทุกครั้งไม่ต้องการให้จัดเตรียมต้อนรับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรเข้าใจดี และเตรียมการไว้อยู่

นายกฯกล่าวว่า การตรวจเยี่ยมจะไปแบบเป็นกันเอง ตนเข้าใจในยุทธศาสตร์ชาติจึง ต้องไปทำความเข้าใจเรื่องนี้ เพื่อตีกรอบ แผนงาน งบประมาณ ให้เกิดความต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติ การจัดทำแผนแม่บท การใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามพ.ร.บ.งบประมาณ ในมาตรการด้านเศรษฐกิจ วันนี้รัฐบาลพยายามเต็มที่และอย่านำสิ่งที่รัฐบาลทำมากล่าวหาว่าผิดถูก เพราะหลายอย่างยังไม่เคยทำ จึงอาจมีปัญหา และรัฐบาลนี้กล้าที่จะทำแต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณ

ยอมรับบุคลิกคล้าย”ทรัมป์”

เมื่อถามถึงการวิจารณ์พฤติกรรมของ นายกฯคล้ายกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่รู้เหมือนกัน แล้วดีหรือไม่ดี บางอย่างผมไม่ใช่นักการเมือง เวลาพูดอะไรก็จะพูดตามความเชื่อในหลักการและข้อเท็จจริงตามกฎหมาย บางครั้งสิ่งที่พูดคือความจริงใจมากเกินไป อาจไม่สุภาพบ้างแต่ก็เป็นเรื่อง ของผม เจตนาของผมไม่ได้มีอะไรกับใคร ทั้งสิ้น และเมื่อพูดไปแล้วก็ไม่เคยโกรธใคร จบแค่นั้น แล้วไปทำเรื่องอื่น วันหน้าอาจจะมีโมโหอีกเพราะมันเป็นบุคลิกส่วนตัวของผม อาจเป็นสิ่งไม่ดีของผม อย่าเอาไปเป็นตัวอย่าง แต่ดีๆ ก็มีอยู่เยอะพอสมควร”

“บิ๊กนมชง”ขู่ปลดอธิบดี

ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ เผยว่า เดิมวันนี้นายกฯ จะมาตรวจเยี่ยมกระทรวงเกษตรฯ ในเวลา 14.00 น. แต่ยกเลิกเนื่องจากติดภารกิจสำคัญ หากดูกำหนดการของนายกฯ แล้ว สัปดาห์นี้ไม่น่าจะมาเยี่ยมการทำงาน ของกระทรวงเกษตรฯ ได้ เบื้องต้นเท่าที่ นายกฯ สั่งการแล้ว การมากระทรวงเกษตรฯ คงไม่แตกต่างจากกระทรวงอื่น คือ อยากมาเยี่ยมข้าราชการเพื่อให้กำลังใจ อยากรู้ว่ากระทรวงมีแผนงานอะไรที่ทำอยู่ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้งนี้ นายกฯ สั่งไม่ให้เตรียมอะไร อยากมาก็มาเลย สัปดาห์นี้ไม่มาแล้ว เพราะเช็กตารางแล้วมีการประชุม

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ในการประชุมครม.สัปดาห์หน้า จะเสนอมาตรการจูงใจให้เกษตรกรเข้ามาสู่ระบบ โดยขอปรับปรุงเงื่อนไขอายุสินเชื่อ ตามโครงการแปลงใหญ่ของรัฐบาลตามยุทธศาสตร์ข้าว ซึ่งเดิมจะเสนอ ครม.วันนี้ แต่ในรายละเอียดเงื่อนไข กรมส่งเสริมการเกษตรไม่สามารถดำเนินการได้เสร็จ

“ผมต้องการปรับเงื่อนไขดำเนินการ อยากจะเพิ่มวงเงินและระยะเวลา ถ้าเป็น 5 ล้านหรือ 10 ล้านบาทและต้องพิจารณาดูอีกที โดยเรียกนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เข้ามาหารือและประชุมร่วมกัน และหลังจากวันนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ทัน อาจจำเป็นต้องมีการปลดอธิบดี” รมว.เกษตรฯ กล่าว และว่าในปี 2560 กระทรวงจะเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องยุทธศาสตร์แปลงใหญ่ให้ขับเคลื่อนได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้

จี้ขรก.เกษตรฯเร่งทำงาน

“ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ เหมือนคนเป็นอัมพาต รัฐมนตรีคิดได้ สมองทำงาน แต่แขนขาคือข้าราชการไม่กระดิก ปีนี้ไม่ได้แล้วทุกคนต้องทำงาน ถึงเวลาที่ข้าราชการ กระทรวงเกษตรฯ ต้องทำงานกันแล้ว” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ตนจะสอนคนเสมอว่าเวลาเราทำงานอยู่ตรงไหน ตั้งใจทำงานตรงนั้นให้ดีที่สุด เวลาที่เรามีอยู่ ไม่สามารถบอกได้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน ฉะนั้นขอให้ทำงานในหน้าที่ของตนเอง อธิบดีทุกคน ข้าราชการทุกคน วันนี้ทำให้ดีที่สุดเท่านั้นพอ อย่าไปหวังหรือวาดภาพว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เขาอาจจะคุ้นเคยกับระบบการเมือง ที่ผ่านมา รัฐมนตรีอาจไม่เหมือนตนเลย ซึ่งตนสั่งละเอียดยิบให้เขาปฏิบัติและสั่งเยอะด้วย บางทีเขาอาจไม่คุ้นเคยซึ่งต้องให้เวลา แต่ตนก็ให้เวลามาพอสมควรแล้ว ฉะนั้นปี 2560 ต้องทำ ไม่ทำไม่ได้ ตนต้องเข้มงวด ต้องไล่ให้เกิดให้ได้

พณ.โว-ชาวนาเริ่มยิ้มออก

ที่กระทรวงพาณิชย์ น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง ผลการดำเนินโครงการชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2559/60 ว่า ได้รับความสนใจจากเกษตรกรอย่างมาก เพราะรัฐบาลสนับสนุนค่าเก็บเกี่ยวและการปรับปรุงคุณภาพข้าวทั้งข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกปทุมธานี เฉลี่ยตันละ 2,000 บาท จูงใจให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการและขยายพื้นที่ให้เกษตรกรมีสิทธิ์ร่วมโครงการมากขึ้น แตกต่างจากปีที่ผ่านมา คาดว่าเกษตรกรจะนำข้าวเปลือกหอมมะลิมาเข้าโครงการมากกว่า 1 ล้านตัน โดยเป้าหมายรวม 2 ล้านตัน ส่วนข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกปทุมธานี อีก 1 ล้านตัน

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หลังดำเนินโครงการไปพบว่าราคาข้าวเริ่มปรับตัวดีขึ้น ชาวนาส่งข้อความมาหาและบอกว่าตอนนี้เริ่มยิ้มออก เนื่องจากข้าวมีคุณภาพ มากขึ้น ความชื้นต่ำ จากเดิมที่ข้าวยังตกเขียว มีความชื้นสูงและเก็บเกี่ยวพร้อมๆกัน ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 9,000-10,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ 7,000-8,000 บาท สำหรับข้าวความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ สำหรับวงเงินที่รัฐบาลสนับสนุนรวม 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินหมุนเวียน โดยมีเงินที่จ่ายขาดเพื่อปรับพื้นที่เพาะปลูกและดูแลต้นทุนรวม 70,000 ล้านบาท

ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ส่วนผลผลิตข้าวหอมมะลิที่จะออกสู่ตลาดเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ คาดการณ์จะมีผลผลิตรวม 13 ล้านตัน ข้าวเปลือกและข้าวเปลือกเจ้า 6 ล้านตัน รวม 19 ล้านตัน กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าหาตลาดให้กับข้าวทั้งในและต่างประเทศ โดยร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่มาตรการไฟไหม้ฟางแต่จะเป็นมาตรการที่ยั่งยืน ไม่โหนกระแสแค่ชั่วคราว ส่วนการทำนานั้นในรอบสองหรือนาปรัง ภาครัฐจะไม่สนับสนุนเพราะปริมาณน้ำอาจไม่เพียงพอ และจะส่งผลต่อราคาข้าวของชาวนาเอง

ปูโพสต์โต้คนตำหนิ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ดีใจและภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการริเริ่มช่วยชาวนาขายข้าว 2 ครั้งที่ผ่านมา ช่วยให้ชาวนามีทางเลือกหากไม่ได้รับราคาที่เป็นธรรม และเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ชาวนาขายข้าวเองได้โดยตรง จะทำให้คุ้มต้นทุน หรือเหลือกำไรบ้าง ซึ่งไม่เคยคิดกดราคาหรือเอาเปรียบชาวนาตามที่มีใครกล่าวอ้าง เพราะซื้อข้าวเปลือกในราคา 12 บาท หรือข้าวสาร 20 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ชาวนามีกำไรและพออยู่ได้ และลดต้นทุนด้วยการไม่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ขายข้าวตามสภาพ และรับผิดชอบขนส่ง หากคิดเอากำไร หรือผลักภาระส่วนนี้ไปยังผู้ซื้อก็ต้องขายด้วยราคา 25 บาท แต่ ไม่ต้องการเช่นนั้น เพื่อให้ผู้ซื้อได้ซื้อข้าวราคาเดียวกับที่ชาวนาขายที่ต่างจังหวัด

น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุว่า การช่วยกันคนละไม้ละมือในยามที่ชาวนาเดือดร้อนคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนพึงกระทำ แม้ปัจจุบันจะไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็ช่วยในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่พอช่วยเหลือได้ แต่กลับถูกตีเจตนาเป็น อย่างอื่นซึ่งน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง แทนที่จะตั้งคำถามว่าแม้ข้าวราคาถูกแค่ไหนเหตุใดราคาขายไปยังผู้บริโภคยังคงเป็นราคาเดิม กลับมาซ้ำเติมและใช้หลักโทษคนนั้น โทษคนนี้ แล้วจะเกิดประโยชน์อย่างไร

อดีตนายกฯ ระบุว่า การขายข้าวครั้งนี้ทำให้ชาวนาขายข้าวเปลือกได้ในราคาสูงขึ้น มีกำไรและไม่ถูกกดราคา ผู้ซื้อก็ซื้อข้าวได้ ในราคาที่ถูกลง เพราะไม่มีการผลักภาระ ของคนกลางไปให้ผู้ซื้อ จะเห็นได้จากหลายพื้นที่ที่ชาวนาเริ่มสีข้าวขายเองแล้ว เชื่อว่า ในที่สุดกลไกนี้จะค่อยๆ ปรับตัว ทั้งคนขาย ผู้ประกอบการและผู้ซื้อมากขึ้น จึงน่าดีใจนอกเหนือจากการช่วยชาวนาขายข้าว

อดีตนายกฯ กล่าวว่า ดังนั้นเพื่อให้ชาวนาขายข้าวได้มากขึ้นเราน่าจะร่วมกันสนับสนุนให้ประชาชนบริโภคข้าวมากขึ้น ช่วยกันคิดหาวิธีแปรรูปหรือทำอาหารเกี่ยวกับข้าวเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มความหลากหลาย เป็นทางเลือกในการบริโภค จะทำให้การบริโภคข้าวที่มีอยู่เกือบ 10 ล้านตันเพิ่มขึ้น แค่นี้เราถือว่าได้ช่วยชาวนาแล้ว จึงถือโอกาสเอามาแชร์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและช่วยกันแนะนำด้วย

ปชป.เปิดพรรค-ขายข้าวราคาถูก

เวลา 09.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้แทนส่งมอบข้าวหอมมะลิจำนวน 12 ตัน ของชาวนาจากโรงสีชุมชน ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร เพื่อจำหน่าย ให้กับผู้บริโภคโดยตรงในราคากิโลกรัมละ 25 บาท โดยมีนายนราพัฒน์ แก้วทอง อดีตส.ส.พิจิตร ร่วมกับนายสามารถ มะลูลีม อดีตส.ส.กทม. ในนามกลุ่มเพื่อนสามารถ เป็นผู้จัดหาผู้ขายและผู้ซื้อ ซึ่งมีผู้แสดงความประสงค์ซื้อข้าวครั้งนี้กว่า 4,000 ราย อาทิ โรงเรียน หน่วยงานราชการ และประชาชนทั่วไป

นายสามารถกล่าวว่า เป็นข้าวที่รับซื้อโดยตรงจากชาวนา ซึ่งสีข้าวเองโดยใช้โรงสีของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยรับซื้อทั้งสิ้น 12 ตัน ก.ก.ละ 25 บาท ทั้งนี้ จะขยายพื้นที่ การรับซื้อข้าวโดยตรงจากชาวนาในจ.ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ด้วย เนื่องจากโครงการนี้ได้รับการตอบรับดี ชาวนาได้รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งจะดำเนินการโครงการนี้จนถึงสิ้นปี

ชาวนาโอดถูกกดราคา

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.พิจิตรว่า แม้รัฐบาลจะออกมาตรการจำนำยุ้งฉาง แต่ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกจังหวัดพิจิตรได้เพียงตันละ 5,300-5,800 บาทเท่านั้น

นายบุญยืน เพชรอำไพ ชาวนา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร กล่าวว่า ข้าวนาปีหอมมะลิ 105 ปีนี้ได้ข้าว 14 ตัน นำไปขายให้กับสหกรณ์แห่งหนึ่งได้ตันละ 5,800 บาท สหกรณ์ตีราคาข้าวถูกมาก ขายข้าวมาก็ไม่พอใช้หนี้ ที่รัฐบาลจะให้เงินช่วยเหลือตันละ 800 บาทต่อ 1 ไร่ แต่ไม่เกิน 15 ไร่นั้นมันไม่เพียงพอ หากจะช่วยชาวนาควรให้ไร่ละ 1,500 บาทจะดีกว่า ขอให้รัฐบาลเร่งให้การช่วยเหลือด่วน

นายไพรสันต์ โชติชาวนา ชาวนา บ้านดงหวาย ต.สายคำโห้ อ.เมือง พิจิตร กล่าวว่ามาตรการที่รัฐบาลจะออกมานั้นช่วยชาวนาได้ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ในพื้นที่พิจิตรเข้าสู่กระบวนการเก็บเกี่ยวไม่สามารถรอได้ หากปล่อยไว้เมล็ดข้าวจะลีบยิ่งทำให้ราคาต่ำลง จึงยอมขายข้าวขาดทุนให้พ่อค้าคนกลางเพียงตันละไม่เกิน 5,900 บาท แนวทางแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำที่ดีที่สุดคือรัฐบาลต้องมีแนวทางให้ชาวนาเป็นผู้กำหนดราคาซื้อขาย หรือต่อรองราคาเองได้ ไม่ใช่ให้พ่อค้าคนกลางหรือโรงสีที่ไม่ได้เป็นผู้ผลิตข้าวเป็นผู้กำหนดราคา

ส่ง”บิ๊กต๊อก”6,000ชื่อ-สอบเอี่ยวข้า

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ให้สัมภาษณ์ก่อน ประชุมครม. ถึงการเรียกค่าเสียหายกับผู้เกี่ยวข้องในคดีรับจำนำข้าว ส่วนที่เหลืออีก 80 เปอร์เซ็นต์ ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ มูลค่า 142,868 ล้านบาท ว่า ได้รับรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักนายกฯ

ประธานศอตช. กล่าวว่า ได้แบ่งผู้เกี่ยวข้องเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้บริหาร หรือกลุ่มของรัฐมนตรีและอนุกรรมการเกี่ยวกับนโยบายข้าว ประมาณ 2,000 รายชื่อ 2.กลุ่มผู้ปฏิบัติหรือกลุ่มรายกระทรวงเดิม มีองค์กรต่างๆ และข้าราชการ ประมาณ 4,000 ราย รวม 6,000 ราย ซึ่งจำนวนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด แต่ต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่าใครต้องรับผิดอะไรและเป็นเพราะอะไร เพื่อเสนอให้นายกฯและครม.รับทราบ และ 3.กลุ่มผู้ประกอบ หรือภาคเอกชน เช่น โรงสี คลังสินค้า ซึ่งยังรวบรวมไม่เรียบร้อย เนื่องจากมีข้อมูลไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ปฏิบัติ โดยกระทรวงมหาดไทยกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งมาให้ตนพิจารณาต่อไป

“สมชัย”แถลงอัดกรธ.ฟุ้งซ่าน

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง แถลงถึงเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. ของกรธ.ว่า กรธ.ออกแบบเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น พยายามสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยให้มีผู้ตรวจการการเลือกตั้ง ทำหน้าที่แทน กกต.จังหวัด จำนวน 5-8 คน รวมทั่วประเทศ 500-600 คน มีเวลาทำงาน 50 วันก่อนวันเลือกตั้ง แบ่งเป็นคนในพื้นที่ 2 คน นอกพื้นที่ 3-6 คน ส่วนคนนอกพื้นที่ให้จับฉลากว่าจะได้ไปพื้นที่ใด การออกแบบดังกล่าวมุ่งกำจัดอิทธิพลจากนักการเมืองท้องถิ่น

“ถือเป็นเจตนาดีแต่กระบวนการคิดเป็นนวัตกรรมฟุ้งซ่าน จะหาคน 500-600 กว่าคนที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทุกจังหวัดได้อย่างไร เพราะแต่ละคนมีงานประจำ การให้ไปทำงานอยู่จังหวัดอื่นเกือบ 2 เดือน เป็นไปไม่ได้ และถ้าจับสลากได้จังหวัดที่ไม่อยากไปจะทำอย่างไร รวมถึงงบประมาณทั้งค่ารถ ค่าที่พัก ค่าสวัสดิการ เบี้ยเลี้ยงต่างๆ รวมกันใช้งบกว่า 150 ล้านบาท ถือว่ามาก และการให้คนนอกพื้นที่ไปอยู่ในพื้นที่อื่นที่ไม่รู้จักพื้นที่จริง จะเป็นปัญหาการทำงาน ไม่กล้าลงพื้นที่ จึงอยากให้กรธ.ทบทวน เพราะเป็นการคิดที่ไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงที่ทำงานได้” นาย สมชัยกล่าว

จี้พูดคุณสมบัติองค์กรอิสระให้ชัด

นายสมชัยกล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ยังมีบทบัญญัติที่มีปัญหาตีความ เช่น คุณสมบัติของ กกต.ในมาตรา 8 (1) ที่กำหนดว่าต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นตุลาการ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระใด อาจตีความได้ว่า กกต.ชุดปัจจุบัน ถือว่าเป็นกรรมการองค์กรอิสระไปแล้ว ทำให้กลับมาเป็นไม่ได้อีกหรือไม่ และมาตรา 8 (19) ที่ห้ามว่าต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี ก่อนเข้ารับการสรรหา จะนับระยะ เวลาตั้งแต่วันที่พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลใช้บังคับ หรือนับย้อนกลับไป 3 ปี ตั้งแต่กกต.ชุดปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ซึ่ง กรธ.ให้อำนาจคณะกรรมการสรรหาเป็นผู้พิจารณาคุณสมบัติ ตนเห็นว่าเป็นการโยนภาระเกินไป ต้องชัดเจนในชั้นของ กรธ.จะเป็นผลดีกว่า เพราะคณะกรรมการสรรหาแต่ละชุดอาจตีความแตกต่างกัน ถ้ากล้าจริง กรธ.ก็ต้องตีความด้วยตัวเอง

นายสมชัยกล่าวว่า ส่วนมาตรฐานการบังคับใช้กับองค์กรอิสระทุกแห่ง ขณะนี้มีการพูดถึงแต่กกต.เพียงอย่างเดียว อยากได้ยินคำพูดตรงๆ เต็มปากเต็มคำจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ว่าจะบังคับใช้กับองค์กรอิสระทุกแห่ง รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญด้วย กกต.ไม่มีปัญหาที่จะปฏิบัติตามกฎหมายแต่ขอให้เป็นกฎกติกาที่เป็นธรรม อย่างกรณีคุณสมบัติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญใหม่ ให้มาจากผู้เชี่ยวชาญสายนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์อย่างละ 1 คน แต่ขณะนี้มีอยู่สายละ 2 คน ต้องจับฉลากออกสายละ 1 คนหรือไม่ เช่นเดียวกับที่กำหนดคุณสมบัติเรื่องการดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ไม่น้อยกว่า 5 ปี อยากถามว่าคนที่เป็นไม่ถึง 5 ปี จะถูกตัดออกหรือไม่ รวมถึงตำแหน่งศาสตราจารย์พิเศษ จะถือเป็นศาสตราจารย์หรือไม่ กรธ.ต้องตอบสังคมให้ชัดเจน ซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่กำหนดคุณสมบัติป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่สูงขึ้นเช่นกัน จึงอยากได้คำตอบว่าจะดำเนินการอย่างไร และหากดำเนินการก็ควรทำพร้อมกันด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน