เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 17 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่68/2559 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอื่นของรัฐและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว โดยให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 3 ราย ซึ่งในจำนวนนั้นมีชื่อน.ส.ปณิตา ชินวัตร รองผอ.สสว.หลานสาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ด้วยว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นกะทันหัน เพราะเรื่องเข้าคสช.ไปตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา และที่ตนเข้าพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นการพูดคุยเรื่องของสสว.ตามวาระที่จะมีการประชุม และเรื่องอื่นที่โยงกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า บุคคลที่ถูกเด้งนามสกุลเดียวกับอดีตนายกฯ นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่เกี่ยวกัน แต่บังเอิญที่ไปเป็นเขา และยังมีคนอื่น ทั้งนี้ ในคำสั่งไม่มีการเขียนเรี่องของการร้องเรียน แต่ระบุว่าเพิ่มตั้งอัตราไว้ เพราะบางคนถูกร้องเรียน บางคนถูกสอบ บางคนปรับปรุงเพื่อความเหมาะสมบางอย่าง และอาจโยงเรื่องประสิทธิภาพในการทำงาน โดยตำแหน่งที่แต่ละคนครองอยู่เป็นตำแหน่งที่ปรึกษา ซึ่งสสว.มีอยู่เป็นจำนวนมาก

“ยืนยันว่าเหตุที่มีการเปลี่ยนไม่เกี่ยวกับเรื่องนามสกุลเลย แต่เป็นเพราะอะไรผมไม่ทราบ ที่ยืนยันเพราะเรื่องที่เสนอเข้ามาทีแรกไม่มีชื่อคนอยู่ มีแต่พฤติกรรมการหรือมีเหตุการณ์รายงานเข้ามา ตอนหลังเมื่อตรวจสอบมีชื่อคนที่เกี่ยวข้องหลายคน และที่เปิดตำแหน่งจะมีคนอื่นอีก ซึ่งมีหลายหน่วยงาน ตอนนี้ไม่มีรายชื่อ ไม่มีตัวคน เข้ามา มีแต่ให้ตรวจสอบ มีการมาแจ้งมาบอก หรือส่งพฤติกรรมรายงานเหตุการณ์เข้ามา ยังไม่มีตัวคน โดยนายกฯสั่งให้กลับไปดูว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง เดิมเปิดตำแหน่งไว้ 100 ตำแหน่ง สำหรับข้าราชการ ซึ่งการปรับเปลี่ยนจะมีเรื่องของซีเข้าเกี่ยวข้อง ถ้าเป็นข้าราชการเด็กเขาไปจัดการกันเองได้ แต่กรณีนี้ เมื่อไม่ใช่ข้าราชการจึงต้องมาเปิดตำแหน่งตรงนี้ เพราะรัฐวิสาหกิจไปเอาออกนอกพื้นที่ระหว่างตรวจสอบไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะซีอะไรจึงต้องดำเนินการ แต่เอาเข้าจริงคงใช้ไม่หมด วันนี้ใช้ไป 3 ยังเหลืออีก 47 ตำแหน่ง” นายวิษณุ กล่าว

เมื่อถามถึงความคืบหน้าเรื่องการปฏิรูปองค์กรมหาชน ดำเนินการได้ข้อสรุปหรือยัง รองนายกฯ กล่าวว่า ยัง เพราะต้องใช้เวลา ที่สำคัญเพิ่งมีการเปลี่ยนบอร์ดบริหาร ตามกฎหมายที่ออกมาใหม่ โดยคนที่เป็นบอร์ดในองค์กรเกิน 3 แห่ง ต้องออก คนที่อายุเกินต้องออก บอร์ดที่มีภาคเอกชนอยู่น้อยแต่ข้าราชการมากกว่าต้องเอาออกส่วนหนึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน