เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 7 พ.ค. ที่สนามช้างอารีน่า จ.บุรีรัมย์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. พร้อมคณะ อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เดินทางมาพบปะประชาชนกว่า 3 หมื่นคน โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำพรรคภูมิใจไทย นางกรุณา ชิดชอบ นายกอบจ.บุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ และภาคส่วนราชการให้การต้อนรับ

ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางมาถึง นายเนวิน กล่าวกับประชาชนชาวบุรีรัมย์ ที่มารอพบนายกฯว่า “พวกเราตากแดดมาชั่วชีวิตในการทำงาน แต่จะตากแดดต้อนรับลุงตู่ไม่ได้หรือ คนบุรีรัมย์ตากแดดไม่นานเพื่อให้กำลังใจลุงตู่ได้อยู่แล้ว เพราะการที่ ครม.จะมาประชุมที่บุรีรัมย์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย 8-9 ปีมานี้เราเชียร์ฟุตบอลมาตลอด และได้แชมป์จนเบื่อ และวันนี้มาทำเพื่อจังหวัดอีกครั้ง

จากนั้นนายเนวิน ได้ซักซ้อมการเปล่งเสียงของประชาชนบนอัฒจันทร์ เพื่อส่งเสียงต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยคำว่า “ลุงตู่ ลุงตู่” ตามจังหวะกลอง พร้อมบอกว่า วันนี้จังหวัดบุรีรัมย์ได้ของบประมาณกับรัฐบาล โดยต้องได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท ขอให้อดทนต่อแสงแดดและความร้อนเพื่อตอนนี้นายกฯลุงตู่ที่เดินทางมาบุรีรัมย์ และจะให้ส่งเสียงดังๆเพื่อให้นายกฯลุงตู่อนุมัติงบประมาณลงพื้นที่บุรีรัมย์หมื่นล้าน ขอให้ร่วมกันให้กำลังใจ

ทันทีที่พล.อ.ประยุทธ์ มาถึงสนาม ได้เดินโบกมือทักทายประชาชน ท่ามกลางเสียงต้อนรับดังก้องสนาม ว่า ลุงตู่ โดยนายกฯชูมือทำสัญลักษณ์ ไอ เลิฟ ยู ทักทายประชาชนรอบสนาม


จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ เป็นสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรือที่อยู่อาศัยในพื้นที่โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พร้อมมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชน ตามนโยบายที่ให้ชุมชนร่วมกับภาคภาครัฐบริหารจัดการดูแล เพื่อให้ป่าเกิดความยั่งยืน ให้แก่ผู้แทนจ.บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุรินทร์ และชัยภูมิ พร้อมแนะนำครม.ที่ร่วมคณะให้ประชาชนทราบ ก่อนแนะนำตัวกับนายเนวิน โดยระบุว่า ตอนตนเป็นประธานสโมสรอาร์มียูไนเต็ด แข่งกับบุรีรัมย์ ทีไรแพ้ทุกที ซึ่งยังจำรอยแค้นนี้ได้อยู่ แต่กีฬาก็คือกีฬา เมื่อสู้ไม่ได้ ก็พยายามกันต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มาวันนี้รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ ได้เห็นความเจริญของจ.บุรีรัมย์ ในทิศทางที่ดี และยินดีที่ได้เห็นความรักของชาวบุรีรัมย์ ที่ไม่มีการทะเลาะขัดแย้ง แบ่งสีเสื้อกัน เราจะต้องสร้างความเป็นหนึ่งเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ตลอดเวลาที่เป็นนายกฯ 4 ปี ไม่เคยเห็นความขัดแย้งในบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนและคนทั้งประเทศต้องการ ขอให้รักษาเรื่องเหล่านี้ไว้ ร่วมมือกันทำทุกอย่างเพราะบุรีรัมย์เป็นเมืองแห่งความรื่นรมย์ เมืองแห่งคงามสุข มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ของอารยะธรรมเขมรโบราณ คนทั่วโลกมาเยี่ยมชม

นายกฯ กล่าวว่า การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีของบุรีรัมย์อยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง แต่ประเทศไทยมีศักยภาพ เพราะอยู่ตรงกลางอาเซียน เราจึงต้องยึดมั่นเพื่อประเทศ ใครจะมาแบ่งแยกไม่ได้ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย พรุ่งนี้จะมีการประชุมครม.สัญจร มีเรื่องให้พิจารณากว่า 200 โครงการ รวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลจะอนุมัติในบางส่วนตามโครงการเร่งรัด วันนี้ไม่ได้มาการเมืองอย่างที่หลายคนพูด ไม่มีอะไรกับใคร ตนรักทุกคน ต้องการทำให้ประเทศเข้มแข็ง และบุรีรัมย์ก็เป็นหนึ่งใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้บุรีรัมย์ไม่ใช่เมืองทางผ่าน คิดว่าการท่องเที่ยวจะมาช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เพราะเมืองนี้มีคนมีชื่อเสียงทั้งนักมวยนักกีฬา และยังมีสนามฟุตบอลที่ทุกคนมาเยี่ยมได้

“มีสนามช้างและสนามอื่นๆ ทำไมสนามเหล่านี้ถึงมาอยู่บุรีรัมย์หมด ก็ไม่เข้าใจ จังหวัดอื่นต้องช่วยด้วยเพื่อให้วันหน้ามีสนามเสือ สิงห์ และอื่นๆ ประเทศต้องเจริญเติบโตไปพร้อมกัน วันนี้เราต้องการให้ไทยรู้จักในเวทีโลก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ผมได้สั่งการให้จัดการท่องเที่ยวทั้งปี ไม่ใช่ปล่อยให้โรงแรมต่างๆ มีห้องว่างอยู่มาก เมื่อไม่มีการแข่งขันกีฬาใด หรือไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว เพราะไทยถือว่าการกีฬาของเราดีที่สุดในอาเซียน และในการแข่งขันโมโตจีพี ทุกคนต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี เพื่อต้อนรับนักแข่งขันระดับโลก” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอยากให้บุรีรัมย์เป็นเมืองกีฬาครบวงจร หรือสปอร์ตซิตี้ เพื่อต่อยอดเป็นเมืองแห่งสุขภาพ เราต้องช่วยกันทำความดีแบบไทยนิยม หมายถึงคนไทยนิยมทำความดี โครงการไทยนิยมมีทีมขับเคลื่อน เพราะที่ผ่านมาหลายรัฐบาลกำหนดโครงการที่ไม่ตรงความต้องการของประชาชน ดังนั้น จึงมีทีมลงไปช่วยพัฒนา พร้อมงบประมาณส่วนหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ใช่เอาเงินไปแจกใครอย่างที่กล่าวหากัน แต่เป็นโครงการที่ทำต่อเนื่อง ซึ่งช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง จึงถูกกล่าวหาได้

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นการวางกรอบการทำงานของรัฐบาลว่าจะเดินหน้าประเทศอย่างไร ซึ่งเวลา 20 ปี อย่าบอกว่านานเกินไปเพราะเป็นเรื่องของลูกหลาน ต้องวางให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ส่วนการทำงานจากนี้ ตนจะเป็นอะไรนั้น เป็นเรื่องอนาคต ยืนยันว่าการมาวันนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองหรือให้ประชาชนมารักตน ใครจะไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ขอให้ไม่เกลียดก็พอ

นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาถือว่าเข้ามาทำให้แผ่นดิน ทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ซึ่งรัชกาลที่ 10 ถือเป็นรัชกาลแห่งการปฏิรูป พระองค์มีรับสั่งให้สืบสาน รักษาต่อยอดจากรัชกาลที่ 9 ที่ทรงริเริ่มเรื่องต่างๆ มากมาย ประชาชนต้องช่วยกัน จึงขอให้ประชาชนช่วยกันฟังเรื่องโครงการไทยนิยมและขอให้ทุกคนรักกัน บ้านเมืองจะอยู่ได้เพราะคนไทยทั้งประเทศ คนอยู่ต่างประเทศปล่อยเขาไป และรัฐบาลนี้ไม่ได้ปิดกั้นใคร ยังใช้กฎหมายปกติดูแลและมีคำสั่งคสช. บ้านเมืองจึงสงบ ถ้าไม่มีคำสั่งเหล่านี้จะทำอย่างไร หากประชาชนปฎิบัติตัวและทำให้ตนวางใจให้ได้ว่าบ้านเมืองจะสงบเรียบร้อยได้ จึงจะยกเลิกคำสั่งเหล่านี้ไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน