วันที่ 7 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคสช.ยึดอำนาจใกล้ครบ 4 ปีแล้วว่า ใช้คำว่าคุ้มก็ไม่ค่อยเหมาะ ไม่มีใครคิดว่ารัฐประหารจะยาวอย่างนี้ ซึ่งคนก็หวังว่าอะไรจะดีขึ้น แต่เอาเข้าจริงเรื่องการปฎิรูป 4 ปีที่ผ่านมาขยับน้อยมาก และไม่ใช่สิ่งที่คนคาดหวังอยู่ ตอนนี้นายกฯ มาพูดเรื่องจะเร่งปฎิรูป 5 ด้าน บอกได้เลยว่าคนที่รอคอยการปฏิรูปไม่ได้คาดหวังแล้ว ส่วนการปฎิรูปการเมือง บอกว่าจะทำการเมืองให้ดีกว่าเดิม ก็ต้องนึกถึงการเมืองที่สุจริต ลดความขัดแย้ง ทำให้ประเทศเดินหน้า แก้ปัญหาประชาชนได้ แต่จากรัฐธรรมนูญ และพฤติกรรมในขณะนี้ ตนมองว่าประชาชนไม่ได้คิดว่าจะดีขึ้น รวมทั้งรัฐบาลที่ขยับมาขอเป็นผู้เล่นทางการเมืองด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การขอเวลาทำงานของรัฐบาล ตรรกะนี้จะใช้ได้ ถ้าสังคมมองเห็นว่าคนขอเวลาได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ พยายามทำให้สำเร็จ แต่มีอุปสรรค แต่ตนมองว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เช่นการปฎิรูปตำรวจ ต้องมาตั้งต้นกันใหม่ตลอดเวลา เกิดคำถามว่าผู้มีอำนาจมีความชัดเจนแค่ไหนว่าการปฎิรูป การเปลี่ยนแปลงการเมือง เป้าหมาย วิธีการคืออะไร ชวนสังคมให้มาร่วมคิด มาสนับสนุนแค่ไหน แต่ขณะนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ยังไม่เรียบร้อย ผู้มีอำนาจก็ขอทำไปเรื่อยๆ
“เหมือนเด็กทำวิทยานิพนธ์ ทำแล้วส่งงานไม่ทัน แล้วมาขอยืดเวลา ซึ่งอาจารย์ก็แบ่งได้ว่าเด็กบางคนทำเรื่องยากเกินไป เขาพยายามทำแล้ว ถ้ามีเวลาอีกสักนิดเขาจะสำเร็จ และมีเด็กอีกประเภทที่อาจารย์ดูแล้วว่า ถึงต่อเวลาไปอีกกี่ปีก็ไม่เสร็จ หรือคุณภาพไม่ได้ เปลี่ยนเรื่องดีกว่า หรือเปลี่ยนคนทำ ผมต้องบอกว่าอารมณ์ของคนขณะนี้ใกล้เคียงกับเด็กคนหลังมากกว่าคนแรก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราคงได้เลือกตั้งปี 2562 แต่จะเจาะจงว่าเดือน ก.พ. คงไม่มีใครกล้าพูดชัดเจน คงบวกลบนิดหน่อย เพราะยังไม่แน่นอนเรื่องกรอบเวลากฎหมายลูก และมีขั้นตอนที่เปิดให้เวลาขยับได้ ส่วนการเลือกตั้งต้องขยับออกไปอีกจะคุ้มกับสังคมหรือไม่ ต้องบอกว่าถ้าจะเลือกตั้งแล้วไม่เรียบร้อย การจะขยับเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยก็คุ้ม แต่ขณะนี้ยังมองไม่เห็นว่าเกิดปัญหาอะไรที่ต้องเลื่อนเลือกตั้ง และหากหัวหน้า คสช.เห็นว่าควรจะเลือกตั้งก็ใช้อำนาจเจัดการให้เลือกตั้งตามกำหนดได้ จะดีกับทุกฝ่ายในแง่ความมั่นใจ ซึ่งตนไม่เคยเรียกร้องว่าต้องเลือกตั้งวันนี้ พรุ่งนี้ แต่การรักษาคำพูด การรักษาความน่าเชื่อถือของประเทศเป็นเรื่องสำคัญ
