เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เข้ารับปริญญาบัตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ด้วยผลงานดุษฎีนิพนธ์ “พุทธวิธีเชิงบูรณาการแก้ปัญหาความขัดแย้งการเมืองไทยในปัจจุบัน” โดยมีครอบครัว บุตรสาว บุตรชายพร้อมญาติสนิทร่วมแสดงความยินดี

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาความขัดแย้งตลอด 4 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ว่า เหมือนกับที่สื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์ว่ายังไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรม ตนมองว่าการที่ทำให้สถานการณ์สงบโดยใช้มาตรา 44 หรืออำนาจต่างๆ ไม่สามารถทำให้เกิดสันติสุขอย่างยั่งยืน วิธีที่จะทำให้เกิดสันติสุขอย่างยั่งยืนคือการปรับความคิดให้เข้าใจตรงกัน อะไรที่ไม่สอดคล้องก็ขอให้ใช้เหตุและผลโดยตั้งอยู่บนความคิดดี ทำดี พูดดี ปรารถนาดีต่อกัน ส่วนอะไรที่ไม่ตรงกันก็ต้องดูว่าจะปรับอย่างไร ไม่อยากให้ผู้มีอำนาจใช้เพียงกฎหมายหรือมาตรา 44 หรือความกลัว อยากให้ใช้ความเข้าใจ เพราะคนไทยเป็นพี่น้องกัน คนไทยไม่ใช่คนพูดยาก ถ้าได้คุยกัน ได้ฟังกัน หาแนวทางร่วมกันไม่ว่าฝ่ายไหน สีไหน ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนการยกเลิกคำสั่งต่างๆ ของคสช. รวมถึงมาตรา 44 เป็นข้อเรียกร้องที่มีมานาน ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งผู้มีอำนาจควรคืนโอกาสในการแสดงความคิดเห็น ไม่อยากให้ใครกลัวความคิดเห็นที่แตกต่าง เพราะความคิดเห็นที่แตกต่างคือความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ ส่วนที่คสช.ใช้กลไกของภาครัฐเข้าไปตรวจสอบกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนั้น อยากให้ผู้มีอำนาจรับฟังพูดคุยกันด้วยเหตุและผล เมื่อมีความคิดเห็นแตกต่างแล้วมองกันเป็นศัตรูการแก้ไขจะยากขึ้น ควรคุยกันด้วยเหตุด้วยผล และสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกันจะดีกว่า

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ใน จ.สระแก้ว เพื่อหากลุ่มสนับสนุนทางการเมืองว่า การดูดกลุ่มการเมืองเป็นวิธีโบราณ เป็นวิธีเก่าใช้มาจนรู้สึกว่าไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ แต่เราไปบังคับผู้มีอำนาจไม่ได้ ท่านใช้วิธีการนี้เพื่อเข้าสู่อำนาจต่อไปซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจเลือก แต่ท้ายที่สุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ แฟร์หรือไม่แฟร์อย่างไร ท่านจะทำอะไรก็เอาให้เต็มที่เลย ปล่อยให้เต็มที่

เมื่อถามว่านายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย จะยังยืนเคียงพรรคเพื่อไทยหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคนที่ทำงานเป็นตัวแทนของประชาชน ต่างคนต่างมีจุดยืน มีอุดมการณ์และมีความรับผิดชอบต่อประชาชนของตนเอง ตนคิดว่าน้อยคนที่จะกล้าทรยศต่ออุดมการณ์และประชาชนของตนเอง อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถรับรองใครได้ แต่ตนเชื่อว่าน้อยคนที่จะไป เพราะคนส่วนใหญ่ยังรักษาอุดมการณ์ รักษาความซื่อสัตย์ต่อประชาชน ส่วนคนที่ตัดสินใจไปก็แล้วแต่ละคน บางคนคิดว่าไปกับผู้มีอำนาจอาจจะเป็นเส้นทางที่ง่ายเพราะมีทั้งอำนาจเงินและอำนาจรัฐ แต่ตนคิดว่าหลายคนไม่ได้คิดถึงแค่เรื่องเงิน ทุกคนไม่ได้เห็นแก่อำนาจ หลายคนยังมีอุดมการณ์มีจุดยืนและไม่กล้าทรยศกับชาวบ้านหรือประชาชน

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงการออกคำสั่งของผอ.เขตหลักสี่ที่ห้ามอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยทำกิจกรรมฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้ารวมถึงฉีดยากันยุงให้แก่ประชาชนในพื้นที่ว่า ถ้าเป็นกิจกรรมอะไรที่ทำแล้วประชาชนได้ประโยชน์ก็ขออย่ามองเป็นการเมืองไปเสียทุกอย่าง ส่วนการออกคำสั่งของรัฐที่ห้าม ส.ส.ดำเนินการถือเป็นการใช้วิธีและบริบทเก่าๆ ของผู้มีอำนาจมาห้ามคนอื่นที่จะทำความดีให้กับประชาชน ทั้งนี้ ถ้ารัฐสามารถทำงานได้ดีนายสุรชาติ เทียนทอง อดีตส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย รวมถึงคนอื่นๆ คงไม่ต้องออกมาดำเนินการอะไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน