จะ 12 ปีแล้วนะ

ใบตองแห้ง

 

จะสี่ปีแล้วนะ ไอ้… สะใจกับวงพังก์ “บัดโซะ” ที่ถูกตำรวจบันทึกประวัติ เป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรีความกล้าหาญ

ว่าที่จริง ไม่ใช่แค่จะสี่ปีรัฐประหาร 22 พฤษภา 2557 หากยังจะครบ 8 ปีกระสุนจริง 19 พฤษภา 2553 และจะครบ 12 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน 2549

เราอยู่ในวิกฤตยาวนาน 12 ปี ติดกับอับจนมา 4 ปี โดยยังไม่มีทางออก มองไม่เห็นอนาคต แม้แต่การเลือกตั้ง พูดจริงๆ ก็ไม่ใช่ทางออก แค่เคลื่อนย้ายไปติดกับดักใหม่ ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 เพียงแต่เป็นโอกาสให้แสดงพลังประชาธิปไตย และเปลี่ยนไปสู่รัฐบาลที่ไม่มี ม.44 เท่านั้น

วงจรอุบาทว์ยังไม่สิ้นสุด เราอาจมาอยู่แค่กึ่งกลาง หรือค่อนทาง ของวิกฤต 16 ปี 20 ปี 24 ปี ไม่มีใครรู้

แม้แต่วันนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อครบ 12 ปี 4×3 จะพลิกผันอะไรอีกไหม ขณะที่ คสช.ขาลงถูกรุมกระหน่ำ ดิ้นรนสืบทอดอำนาจอย่างโจ๋งครึ่ม ยิ่งกว่า รสช. แต่สังคมก้มหน้าก็เฉยเมย ไม่รู้สึกรู้สากับความไม่ชอบธรรม ต่างคนต่างเอาตัวรอดไปวันๆ

12 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ แต่สร้างบาปกรรมให้คนรุ่นใหม่ ที่ปี 49 ยังเรียนประถมหรืออนุบาลอยู่เลย วันนี้โตมาร้องว่า “บัดโซะ” ก็ถูกจับ แค่อยากเลือกตั้งก็เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ถูกขู่ว่าจะหมดอนาคต

ทั้งที่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ประเทศก็ไม่มีอนาคตอยู่แล้ว

12 ปีผ่านไป ความขัดแย้งเรื่องโครงสร้างอำนาจในสังคมไทยยังไม่สามารถหาจุดลงตัว ไม่เกิดสมดุลใหม่ หรือฉันทามติ ว่าเราจะอยู่ร่วมกันอย่างไร นอกจากอยู่ใต้ คสช. ม.44 ที่บังคับทุกคนไว้ ด้วยตำรวจทหารและการออกคำสั่งเป็นกฎหมาย

17 ปีที่แล้ว รัฐธรรมนูญ 2540 การเลือกตั้ง 2544 ทำให้เกิดรัฐบาลไทยรักไทย ที่ได้คะแนนนิยมถล่มทลายจากการหาเสียงด้วยนโยบาย ทำให้ประชาชนตระหนักว่า “ประชาธิปไตยกินได้”

แน่ละ รัฐบาลทักษิณถูกวิพากษ์ว่าอำนาจนิยม ผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ความผิดร้ายแรงคือไปทำลายโครงสร้างอำนาจเดิม ประชาธิปไตยใต้ระบบอุปถัมภ์ แบบมีเลือกตั้ง แต่ไม่มีอำนาจเต็ม ต้องพึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ คนดีมีศีลธรรม กำกับดูแลจัดสรรผลประโยชน์ในสังคมกะด่างกะดำ

จู่ๆ ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว อำนาจจากเลือกตั้งดันทะลึ่งพุ่งพรวดขึ้นเป็นใหญ่ จะกุมอำนาจตัดสินใจทุกอย่าง นี่ต่างหาก ความผิดพรรคไทยรักไทย ไม่ใช่เรื่องดีชั่วเฉพาะตัวทักษิณ ไม่งั้นคงยังมีเลือกตั้ง ไม่ต้องทำรัฐประหาร 2549

แต่รัฐประหารก็เข้ามาประสานงากับอำนาจประชาชน อำนาจเลือกรัฐบาล ที่เลือกพรรคพลังประชาชนกลับมา ทำให้รัฐประหาร “เสียของ” จนเกิดการยุบพรรค ช่วงชิง ส.ส.ไปให้ประชาธิปัตย์ จนถูกลุกฮือต้านในปี 52,53 แม้ถูกปราบถูกฆ่าด้วยกระสุนจริง ถูกบิ๊กคลีนนิ่ง เมื่อมีเลือกตั้ง 2554 พรรคเพื่อไทยก็ยังชนะถล่มทลาย

19 พฤษภา 53 เป็นจุดปักหมุด เป็นสัญลักษณ์ ว่าคนชนบทคนชั้นล่างเสียงข้างมาก ที่ใส่เสื้อแดง “เลือดไพร่” ไม่ยอมเสียอำนาจเลือกรัฐบาล กระทั่งพร้อมยอมตาย เพื่อทวงอำนาจหนึ่งคนหนึ่งเสียง สิทธิเท่าเทียม ตามหลักการประชาธิปไตย

ในขณะที่ม็อบนกหวีดปิดเมือง อีก 4 ปีต่อมา คนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี “เห็นคนไม่เท่ากัน”

ใช่เลย นิรโทษสุดซอย ลักหลับตอนตีสี่ รัฐบาลเลือกตั้งทำผิดมหันต์ แต่ต่อให้ไม่มีนิรโทษ ก็ถึงจุดแตกหักสักวัน เพราะโดยโครงสร้าง มันคือการเผชิญหน้าระหว่างอำนาจอุปถัมภ์ กับอำนาจจากเลือกตั้ง จนนำมาสู่ยุค “ตู่กู้ชาติ” รัฐประหารสี่ปีไม่มีทางลง

สี่ปี คสช.ทำอะไรบ้าง ชัดเจนที่สุด สถาปนาระบอบรัฐธรรมนูญ 2560 ทำลายอำนาจเลือกตั้ง ครอบงำโดยอำนาจอุปถัมภ์ ไม่ยึดโยงประชาชน

สถาปนารัฐราชการเข้มแข็ง ใหญ่โต ทำประชารัฐ ไทยนิยม จัดระเบียบสังคม ส่งทหารลงชนบท ปลดหนี้ แก้ปากท้อง แจกบัตรคนจน ฯลฯ และพยายามปฏิรูปด้านต่างๆ

ไม่ปฏิเสธเลยว่ารัฐบาลแข็งขัน ทำดีๆ แต่ทำเพื่ออะไร ก็เพื่อให้เห็นว่า “รัฐประหารกินได้” ไม่ต้องมีประชาธิปไตย ประชาชนไม่ต้องมีอำนาจเลือกรัฐบาล รัฐราชการที่แสนดี จะดูแลทุกอย่างให้ ไม่ต้องมีเสรีภาพ ไม่ต้องมีสิทธิชุมนุม แบบพีมูฟถูกอุ้ม ก็ยังแก้ปัญหาให้

คสช.และกองทัพทุ่มเททุกอย่าง ก็เพื่อให้ประชาชนไม่ทวงอำนาจ แต่ถามว่าแก้ปัญหาได้จริงไหม จะอยู่อย่างนี้เรื่อยไปได้ไหม ก็รู้กันอยู่แก่ใจ

ตราบใดที่ไม่สามารถหาจุดสมดุล ฉันทามติ โครงสร้างที่ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ มันก็แค่ปราสาททรายชายหาด ที่วางไว้บนระเบิดเวลา เพียงยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน และผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เท่านั้นเอง

(หน้า 6)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน