วันที่ 23 พ.ค. ที่ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชารัฐร่วมใจ ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ปี พ.ศ.2561 พร้อมด้วยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะโดยมีประชาชนร่วมงานกว่า 3,000 คน ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีใช้รถโฟล์คตู้โตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน 5 กค 8388 กรุงเทพมหานคร จากนั้นนายกฯ เป็นสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาตแสดงป่าชุมชน พร้อมมอบพันธุ์กล้าไม้ยางนาแก่ผู้ว่าราชการ 7 จังหวัดได้แก่ จ.ราชบุรี จ.กาญจนบุรี จ.นครปฐม จ.เพชรบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.สมุทรสงคราม และจ.สมุทรสาคร พร้อมกันนี้ได้มีการนำกล้าไม้พันธุ์ดีกว่า 54.8 ล้านกล้า มาแจกจ่ายให้กับประชาชนนำกลับไปปลูกที่บ้าน

บิ๊กตู่ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชารัฐร่วมใจ ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ปี พ.ศ.2561

นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานและมอบนโยบายว่า นั่งเฮลิคอปเตอร์มารู้สึกมึมงงนิดหนึ่ง เพราะปกติตนสดชื่น แต่เมื่อนั่งวิเคราะห์แล้ว เป็นเพราะอากาศเสีย เพราะอยู่กรุงเทพฯ มีแต่อากาศเสีย เคยชินแต่ของเสีย แต่จากที่มองลงมาต้นไม้เยอะ อยากให้กรุงเทพฯ และทุกเมืองเป็นแบบนี้ เพลงต้นไม้ของพ่อที่เปิด การปลูกต้นไม้ของของในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงทำมาตลอดในการครองราชย์ 70 ปี ต้นไม้ที่ท่านทรงปลูกไว้วันนี้สูงใหญ่ ตนจะมาดูต้นประดู่ที่พระองค์ทรงปลูกไว้ จ.ราชบุรี มีหลายอำเภอ มีความเข้มแข็งด้านการผลิต การเกษตร และปศุสัตว์

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มองไปข้างหน้าในระยะ 5 ปี 10 ปี 20 ปี ไม่ล้มสลายย่อยยับ ลงไปเกิดเสียหาย วันนี้ได้กำหนดวิสัยทัศน์ประเทศ ทำยุทธศาสตร์ชาติ และปฏิรูปประเทศ ซึ่งรัฐบาลต้องบริหารตามหลักการนี้ มีหลายอย่างที่ควบคุมอยู่ ทั้ง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ขอให้เข้าใจว่า การบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าไม่ใช้หลักการหรือข้อกฎหมาย ทุกอย่างจะเกิดปัญหา หลายอย่างเป็นภาระรัฐบาล ซึ่งเราไม่โทษใคร วันนี้เราต้องทำใหม่หลายอย่างจะค่อยดีขึ้นตามลำดับ แม้ตัวเลขจีดีพีโจจะสูงขึ้น 4.8 แต่ไม่ใช่รัฐบาลจะยินดีแล้วไม่ทำอะไรเลย เพราะตัวเลขพร้อมที่จะขึ้นและลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับการค้าที่เรามีกับโลกภายนอก เพราะเราไม่ได้ผลิตขายในประเทศอย่างเดียว ส่วนใหญ่เราขายนอกประเทศ รายได้มาจากการส่งออก เราต้องปรับรูปแบบการส่งออก และหวังรายได้อื่นๆ เสริมด้วย มากว่าหวังส่งออกอย่างเดียว เพราะตลาดภายนอกเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

บิ๊กตู่ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชารัฐร่วมใจ ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ปี พ.ศ.2561

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้พืชผลการเกษตรลดน้อยลงที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ผูกพันมาถึงราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เป็นกลไกที่เราบังคับไม่ได้ ขอให้เข้าใจไม่ว่ารัฐบาลใดจะใช้กลไกบังคับมากไม่ได้ เพราะเรามีกติกา ตราบใดที่เรายังต้องส่งออกต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ บนกฎกติกาการค้าโลก และต้องพัฒนา และควบคุมคุณภาพการผลิต เพราะหลายประเทศมีการต่อรอง ขณะที่มีการเปิดช่องทางมากขึ้นผ่านการค้าออนไลน์ แต่ไม่ใช่เรื่องของการผูกขาด แม้แต่ราคาน้ำมันหลายประเทศที่มีราคาต่ำ เพราะเขามีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เราต้องเข้าใจกลไกเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นบิดเบือนกันไปเรื่อยกลายเป็นปัญหา

“เราจะปลูกต้นไม้กัน 5 ล้านต้น 2 หมื่นกว่าไร่ตรงนี้ห้ามตาย ซึ่งบางคนมาบอกว่า มีอำนาจเยอะแยะอย่างนี้ ทำไมไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งต้นไม้ไม่ให้ตาย พอจะเอาอะไรก็จะให้ใช้มาตรา 44 แต่ถ้าไม่เอาก็ไม่ให้ใช้มาตรา 44 มันเป็นแบบนี้ ซึ่งต้องเข้าใจให้ตรงกันว่า อะไรที่ต้องแก้ไขจะทำให้ แต่จะฝืนกฎหมายทุกอย่างมันไม่ได้ รัฐบาลไม่ต้องการทำแบบนั้น เพราะวันหน้าเราต้องอยู่กันแบบประชาธิปไตย วันนี้ประชาธิปไตยกำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ขอบอกพี่น้องว่า การประท้วงอะไรต่างๆ มีผลกระทบทั้งสิ้น รายได้ของเราได้จากการท่องเที่ยว ถ้าประเทศของเรามีการชุมนุมมีการขัดแย้ง มีความวุ่นวาย การท่องเที่ยววันนี้ล้มทันที เมื่อไหร่ก็ตามที่บ้านเมืองไม่สงบ มีการประท้วงเช่นเดิมขึ้นมาอีก มีการย้ายคน ก็จะเกิดปัญหาเรื่องการท่องเที่ยว ปัญหาความเชื่อมั่นในการลงทุน เพราะวันนี้การลงทุนมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ที่เขาจะลงทุนที่ไทยในระยะเวลา 3 ปี เราจะต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาตรงนี้โดยเด็ดขาด” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้อากาศดี เริ่มดีขึ้นแล้ว อ็อกซิเจนเริ่มเข้ามาแล้ว เมื่อวานอ็อกซิเจนน้อยหน่อย เพราะมีชุมนุมกันอยู่ คนเยอะ อากาศเป็นพิษ แต่ทุกอย่างเรียบร้อย เพราะพวกเราสำคัญ ที่ไม่ลุกลามบานปลายเพราะประชาชน ที่ต้องเข้าใจว่าเกิดอะไร และวันนี้รัฐบาลประกาศอะไรไปบ้างแล้ว ทำอะไรไปบ้างแล้ว มันไม่เกิดประโยชน์หรอก ต่างประเทศเขาก็ประท้วงแบบนี้แหละ แต่เขาขออนุญาตและอยู่ที่เดียวไม่ไปไหน จะประท้วงกี่วันกี่เดือนกี่ปีเขาก็อยู่ตรงนั้น เดี๋ยวรัฐบาลก็ต้องแก้ วันนี้ไม่ต้องประท้วงตนก็แก้อยู่แล้วที่ร้องมาทั้งหมด รัฐบาลแก้ทุกอย่าง อันนี้แก้ได้ไม่ได้ก็ทยอยแก้กันไป รัฐบาลต้องใส่ใจในทุกเรื่อง ต้องมีการลงโทษใครที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดความเสียหายในเรื่องต่างๆ

“ผมรัฐบาลและคสช.ไม่ใช่ศัตรูของใคร แต่ใครจะเป็นศัตรูของตน ตรงนี้ผมไม่รับทราบ แต่เป็นศัตรูกับกฎหมายไม่ได้ ก็อย่าทำกัน ขอบคุณประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะตำรวจที่แก้สถานการณ์ได้อย่างสันติ ไม่ไปตี ไม่ยิงกัน ไม่อยากให้มีเหตุการณ์บานปลาย วันนี้ต่างประเทศก็ดูอยู่ ฉะนั้นเราต้องสร้างบ้านเมืองให้ปลอดภัยเข้มแข็ง หากเราไปมองประเทศอื่นที่เจริญแล้วและอยากได้แบบเขา แต่เราไม่แก้ตัวเราเองมันไปไม่ได้ กว่าเขาจะไปแบบนั้นได้ตียิ่งกว่าเราอีก เขารบกันทั้งเมืองยิ่งกว่าเราอีก เขาถึงพัฒนาไม่ให้เกิดขึ้นแบบเดิมอีก โดยเฉพาะประเทศตะวันตก ตะวันออกบางประเทศที่มีการสู้รบก็เริ่มจากความขัดแย้งภายใน ท้ายสุดก็บานปลาย มีการเจ็บ แบ่งข้าง ตายเป็นล้านๆคน เขาถึงต้องทำให้ไม่มีการประท้วงเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ เขาถึงเคารพกฎหมายเพราะกลัวจะเกิดขึ้นอีก แต่พวเรายังไม่เจอขนาดนั้นเลยยังไม่รู้ว่าจะร้ายแรงขนาดไหน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเข้ามาเพื่อยุติสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เดินหน้าสู่การเป็นประชาธิปไตย สู่การมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพูดเพราะๆ ไม่ค่อยเป็น แต่ใจตนนึกถึงทุกศาสนาในประเทศไทย ที่ทั้ง 5 ศาสนา อยู่ด้วยกันอย่างสันติมาโดยตลอด ภายใต้พระบารมีของพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ซึ่งวันนี้ถึงรัชกาลที่ 10 แล้ว รัชกาลนี้ต้องเป็นรัชกาลที่บ้านเมืองสงบปลอดภัย และมีความเป็นอยู่มีชีวิตที่ดีขึ้นเป็นสั่งที่รัฐบาลได้น้อมนำพระราโชบายของพระองค์ท่านมาปฏิบัติทุกเรื่อง ทั้งนี้พระองค์ทรงคาดหวังว่าประเทศของเราจะต้องดีขึ้น สงบยิ่งขึ้นอย่างสันติ มีการพัฒนา มีการปฏิรูป มีการทำทุกอย่างเพื่อความมั้นคง มั่งคั่งและยั่งยืน

นายกฯ กล่าวตอนท้ายว่า วันนี้มาทำความเข้าใจ ไม่ได้มาพูดให้รักตนเอง หรือต้องการให้ท่านมาเกลียดตน แต่ท่านอย่าเกลียดประเทศของท่านเอง อย่าเกลียดจังหวัด อย่าเกลียดผู้ว่าฯ ตำรวจ เพราะเราคือคนไทยทั้งสิ้น ช่วยกันทำความดีทุกโอกาสเพื่อชาติ “ทุกคนตอนนี้ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรทั้งสิ้น ผมก็เป็นไปตามโรดแม็ป ขี้เกียจพูดแล้ว มีใครจะถามอะไรอีกไหม วันนี้ศาสนาสำคัญที่สุด ทำให้ประเทศชาติปลอดภัย สร้างความสงบเรียบร้อย ” ขอบคุณทุกคนที่เตรียมงานวันนี้ จริงๆ แล้วตนไม่ใช่เจ้าพิธีการมากนัก สำคัญที่สุดอยากมาเจอประชาชน เห็นรอยยิ้ม ซึ่งบางคนก็ไม่ยิ้ม แต่ตนเป็นคนตลกอยู่แล้ว ตลกก็มี โมโหก็ง่าย เพราะทำงานถึงเป็นอย่างนี้ ถ้าจะเอาอารมณ์ดีๆ เฉยๆ ก็ไปรอรัฐบาล ไม่ต้องทำอะไร ยิ้มอย่างเดียว ต้องเอาจริงเอาจังแบบนี้ ข้าราชการทุกคนต้องปรับตัว ตนยืนยันข้าราชการตอนนี้เกียร์ว่างไม่ได้ ขอรอยยิ้มหวานๆ จากคนไทยถึงข้างในจะร้อนระอุอย่างไงแล้วก็ต้องยิ้มสู้ ตามเพลงที่รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ให้ไปเปิดฟังดู

บิ๊กตู่ แวะทักทายและพูดคุยกับ ชิซูกะและโนบิตะ ลูกลิงอุรังอุตัง

จากนั้นนายกฯ และรองนายกฯ ได้ร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้เนื่องในวันต้นไม้แห่งชาติ โดยนายกฯ ได้ปลูกต้นรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ด้วยดอกรวงผึ้งมีสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ ขณะที่ คณะรัฐมนตรีได้ร่วมกันปลูกต้นกัลปพฤกษ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจ.ราชบุรี จากนั้นนายกฯ ได้เยี่ยมชมโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟู ที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และได้พบปะชูมือทำสัญลักษณ์ ไอเลฟยู ทักทายกับประชาชน พร้อมแวะทักทายกับ ชิซูกะและโนบิตะ ลูกลิงอุรังอุตัง ซึ่งเป็นของกลาง ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมล่อซื้อจากผู้กระทำความผิด และกำลังประสานส่งกลับไปยังประเทศอินโดนีเซีย โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้อุ้มชิซูกะ พร้อมพูดคุยหยอกล้อทักทายอย่างเป็นกันเอง

บิ๊กตู่ แวะทักทายและพูดคุยกับ ชิซูกะและโนบิตะ ลูกลิงอุรังอุตัง

จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะขึ้นรถรางเพื่อเยี่ยมชมโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ปลานิล และปลายี่สก ซึ่งเป็นปลาประจำจ.ราชบุรี ที่อ่างเก็บน้ำเขาชะงุ้มพร้อมกล่าวว่า “อย่าทะเลาะกันอยู่กันดีๆ” นอกจากนี้นายกฯ ยังได้เยี่ยมชมพลับพลาที่ประทับ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เมื่อ พ.ศ.2555 และชมต้นประดู่ที่ทรงปลูก โดยได้เรียกรองนายกฯ และคณะมาถ่ายรูปพร้อมกล่าวว่า ได้ยินเพลงต้นไม้ของพ่อแล้วขนลุก สิ่งที่ท่านทำ ต้นไม้ที่ท่านปลูก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งระหว่างการเยี่ยมชมที่อ่างเก็บน้ำเขาชะงุ้ม นายกรัฐมนตรีเห็นผู้สื่อข่าววิ่งตาม จึงหันมาพูดว่า “พวกนี้ไม่เหนื่อยกันหรือไง ไม่พักผ่อนกันหรือ เมื่อวานก็เห็นไปอยู่กับกลุ่มม็อบ ขอโทษนะ ที่มันสั้นไปหน่อย เลยไม่ได้ทำข่าวหลายวัน”

อย่างไรก็ตามการลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีและคณะมีชาวบ้านขอถ่ายภาพเซลฟี่ด้วย แต่นายกฯปฏิเสธ โดยกล่าวว่าขอไม่ให้ถ่าย เดี่ยวถ้าจะถ่ายให้ถ่ายเป็นภาพหมู่ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขอไว้ เพราะถ้าถ่ายกันคนหนึ่งจะเกิดความวุ่นวายมาขอถ่ายกันหลายคน พร้อมบอกกับชาวบ้านด้วยว่า ให้เราเดินไปด้วยกัน โดยชาวบ้านกล่าวตอบว่าเราจะเดินไปด้วยกัน ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจนายกฯได้เดินทางกลับกรุงเทพฯเพื่อปฏิบัติภารกิจต่อทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน