เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนักการเมืองบางคนบางกลุ่ม วิพากษ์วิจารณ์มาตรการเพิ่มรายได้ 1,500-3,000 บาท แก่ผู้มีรายได้น้อยซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีนั้น ไม่ต่างจากนโยบายประชานิยมในอดีต ว่า รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนดูแลพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม ทุกสถานะ ให้สามารถดำรงชีพได้อย่างมีความสุข ลดช่องว่างทางสังคม และมีศักดิ์ศรีตามสมควร ด้วยมาตรการที่แตกต่างกันไปตามความจำเป็นทั้งระยะสั้นและระยะยาว การให้ความใส่ใจกับประชาชนทุกภาคส่วนเป็นสิ่งดีที่ทุกรัฐบาลต้องปฏิบัติ แต่สิ่งสำคัญคือการดำเนินการใดๆ จะต้องไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่ทำเพื่อคะแนนเสียง หรือสร้างฐานความนิยม โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ กับลูกหลานในภายหน้า แต่จะต้องดำเนินการด้วยความจริงใจ โปร่งใส ชัดเจน รอบคอบ ไม่สร้างผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังของชาติ ที่สำคัญผู้นำและผู้บริหารในทุกระดับจะต้องมีธรรมาภิบาลในการทำงาน เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีต่อบ้านเมืองต่อไป

“สำหรับผม การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่สมควรได้รับ โดยไม่สร้างปัญหาไว้เบื้องหลัง น่าจะเรียกว่าเป็นสวัสดิการแห่งรัฐ มิใช่ประชานิยม ในนิยามที่เราเข้าใจหรือคุ้นเคยกัน ว่า คิดทำเพื่อหวังคะแนนเสียง และความนิยมจากประชาชน โดยไม่สนใจผลระยะยาวต่อประเทศชาติ อยากแนะนำให้พี่น้องประชาชนที่เข้าข่ายได้รับการดูแลจากมาตรการนี้ใช้จ่ายเงินอย่างมีเป้าหมาย เกิดประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัว อย่าคิดว่าได้มาโดยง่ายแล้วก็จะใช้โดยสะดวก เพราะจะผิดวัตถุประสงค์ที่ต้องการแบ่งเบาภาระ มิใช่การสร้างหนี้เพิ่ม” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน