ประชาธิปัตย์ หนักแน่น ส่งชื่อ ชวน ชิงนายกฯ มั่นใจ ประชาชนยังเชื่อในอุดมการณ์พรรค

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ได้เป็นการเพิ่มภาระให้กับพรรคการเมือง ซึ่งเราไม่เห็นด้วย และเห็นว่าเป็นการตีความตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราคิดว่าคำสั่งนี้รอนสิทธิ์สมาชิก แต่เรายอมรับ และทำตัวให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่อจากนี้ไป เมื่อคสช.ปลดล็อก เราก็ต้องหาสมาชิกเพิ่ม แต่ตนฟันธงให้เลยว่า ไม่มีโอกาสที่จะเห็นพรรคการเมืองมีสมาชิกเป็นล้านคนแล้ว

“ผมเปรียบเหมือนเราไปซื้อสินค้า สินค้าสวย ตัวสินค้ามีกล่อง มีตัวสินค้าอยู่ข้างใน พรรคการเมืองก็เช่นกัน ชื่อพรรคประชาธิปัตย์ต้องมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ถ้ามีเฉพาะชื่อพรรค แต่สมาชิกหายไป มันก็ไม่ใช่พรรคการเมือง” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

นายนิพิฎฐ์ กล่าวอีกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า พรรคการเมืองเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องการตั้งสาขาพรรคแล้ว เพราะ กฎหมายกำหนดให้สาขาพรรค ต้องมีสมาชิกอยู่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของสาขานั้นตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป แต่ต่อไปนี้จังหวัดหนึ่ง แต่ละพรรคจะหาสมาชิกเพียง 100 คน เวลาทำไพรมารีโหวตสรรหาผู้สมัครส.ส. ก็ใช้ 100 คนนี้มาประชุมกันได้เกินกึ่งหนึ่ง คือ 51 คน มาทำไพรมารีโหวตว่า จะเอาคนไหนลงสมัครส.ส. ในจังหวัดนั้น อย่างนี้ไม่ใช่การมีส่วนร่วมของประชาชน และไม่ใช่การปฏิรูป แต่เมื่อกฎหมายเป็นอย่างนี้ เราต้องทำตัวให้สอดคล้อง คือไม่ต้องตั้งสาขาแล้ว

นายนิพิฏฐ์ ยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ว่า เป็นเรื่องดี เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน อย่าไปคิดว่าเป็นพรรคสาขาหรือพรรคสำรอง สู้กันไฟแลบ สู้กันจริงทั้งนั้น ตนพูดตรงไปตรงมาว่า พรรคการเมืองที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ มีผลกระทบกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน เพราะ เป็นฐานเดียวกัน แต่จะกระทบในระดับไหน กระทบจนกระทั่งทำให้เราแพ้ในเขตเลือกตั้งหรือไม่ ต้องมาพิจารณากัน เพราะว่าในระดับความเข้มข้นของ ส.ส.ในแต่ละเขตไม่เท่ากัน บางเขตส่วนใหญ่แล้ว เราชนะคู่ต่อสู้เขตละประมาณ 40,000-60,000 คะแนน แต่บางเขตในภาคใต้ เราชนะ 1,000 คะแนน แต่ความแตกต่างกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคใหม่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่า ไม่สนับสนุนคนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะจะตั้งพรรคการเมืองมารองรับใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ แต่ต้องตั้งมาเพื่อรองรับประเทศ และนโยบายทางการเมือง

“สมมติ ถ้าเราตั้งพรรคมาเพื่อรองรับใครคนใดคนหนึ่งเป็นนายกฯ แล้วในระหว่างการหาเสียง บุคคลนั้นเกิดเป็นลมตายขึ้นมาจะทำอย่างไร เราเป็นพรรคใหญ่เยอะกว่าคนอื่น ถือว่าเราเป็นผู้ใหญ่ เราเป็นพี่ใหญ่ เพราะฉะนั้นเล็กๆ น้อยๆ ผมถือว่าเราขอกันกินมากกว่านี้ ไม่มีปัญหา ท่านจะสตาร์ทวิ่งไปก่อนเราก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้กำลังท่านอย่าตกก็แล้วกัน ผมไม่กังวล ผมคิดว่าผู้ใหญ่ในพรรคก็ไม่กังวลว่าพรรคนั้นทำอย่างนั้นได้ พรรคนี้ทำอย่างนี้ไม่ได้ เรื่องเหล่านี้เล็กน้อยเกินไป” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอชื่อหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 อย่างแน่นอน ขณะที่ชื่ออันดับ 2 และ 3 ต้องขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมใหญ่ของพรรค

ในใจของตนอยากให้มีชื่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปด้วย เพราะประชาชนยังยอมรับนายชวนอยู่มาก และคิดว่าไม่ทำให้เสียคะแนน แต่นายชวนอยากให้เป็นตามระบบ

ส่วนกระแสความร้อนแรงของพรรคอนาคตใหม่ในขณะนี้ นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร คนหนุ่มก็ต้องคิดอย่างนี้ เมื่อตอนที่ตนเป็นนักการเมืองใหม่ๆ เคยคิดอย่างนั้น เพียงแต่คนหนุ่มนั้นเขาไม่เคยแก่ แต่ตนเป็นคนหนุ่มที่เคยหนุ่มมาก่อนเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน