บิ๊กตู่ เตรียมจัดการคนกุข่าว นายกฯ ให้ความสำคัญอิสลาม มากกว่าพุทธ

วันที่ 10 มิ.ย. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแชร์ข้อความและภาพในโซเชียลมีเดีย โดยระบุเหตุผลในการจับพระให้เป็นข่าวใหญ่ เพื่อกลบข่าวการเปิดทำเนียบเลี้ยงละศีลอดเดือนรอมฎอน รวมทั้งการที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณก่อสร้างมัสยิดหลายแห่ง เพราะ นายกรัฐมนตรี เป็นมุสลิม จึงให้ความสำคัญกับศาสนาอิสลามมากกว่าศาสนาพุทธว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง มีผู้พยายามปล่อยข่าวบิดเบือน สร้างความสับสน ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก

ยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นับถือศาสนาพุทธ จะเห็นได้ว่า นายกฯ ทำบุญตักบาตรอย่างสม่ำเสมอ และเข้าร่วมพิธีทางศาสนาเมื่อถึงโอกาสสำคัญ เช่น วันวิสาขบูชา ทั้งที่เป็นพระราชพิธี และภายในทำเนียบรัฐบาล และในฐานะผู้นำประเทศ ก็ดูแลให้ความสำคัญกับทุกศาสนา รัฐบาลขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน และขอให้ผู้ไม่หวังดีหยุดพฤติกรรมบ่อนทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างศาสนา หากสืบทราบว่า ผู้ใดเป็นต้นตอของการปล่อยข่าวเท็จจะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนการจัดงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นงานที่รัฐบาลจัดขึ้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ในอดีต ไม่ใช่เพิ่งเริ่มในรัฐบาลนี้ เช่นเดียวกับงานเมาลิดกลาง ที่ผู้นำประเทศจะไปร่วมงานด้วยเช่นกัน ส่วนการสนับสนุนงบประมาณให้แก่ศาสนาใด จะมีกฎระเบียบและขั้นตอนที่ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีก็ตาม โดยศาสนาพุทธก็มีเงินอุดหนุนวัด เช่นกัน ดังที่เป็นข่าวอยู่ในปัจจุบันว่ามีบางวัดกำลังมีปัญหาเรื่องการทุจริตอยู่ในเวลานี้

“หากตรวจสอบข้อเท็จจริงจะพบว่า มัสยิดที่มีการก่อสร้างหลายแห่งนั้น ส่วนใหญ่ใช้เงินบริจาค หรืองบประมาณจากท้องถิ่น เช่น มัสยิดที่ จ.นนทบุรี ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช ก็มีการอนุมัติงบตั้งแต่ปี 2555 ขณะที่ค่าตอบแทนของโต๊ะอิหม่าม อิหม่าม คอเต็บ และบิหลั่น ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยนั้นอยู่ระหว่าง 1,000 – 3,500 บาท ไม่ใช่ 18,000 บาทต่อเดือน ตามที่มีการกล่าวอ้าง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน