“ไพบูลย์” แนะ คนไทยต้องทนกับระบอบแบบนี้ ไปอีก “5 ปี” รับรองจะชอบใจ !

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 มิ.ย. ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะรัฐศาสตร์ ประจำปี 2561 เสวนาหัวข้อ “อนาคตประชาธิปไตยไทย: ข้ามพ้น กับดัก ความหวัง” โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ร่วมเสวนา โดยมี รศ.ดร.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการ

นายไพบูลย์กล่าวว่า มุมมองของตนอาจจะไม่เหมือนทั้ง 3 ท่าน ปี 49 และปี 51 ตนเข้าไปสู่การรับรู้ทางการเมืองในฐานะ ส.ว. เจอเรื่องราวความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการแก้รัฐธรรมนูญ หรือการเคลื่อนไหวชุมนุมของประชาชนมาจนถึงปี 57 วาทกรรมขณะนั้นคือ การเมืองแบบแบ่งขั้ว ช่วงนั้นเราเรียกว่าประชาธิปไตยหรือไม่ ถ้าเป็น เราชอบแบบนั้นหรือ ชอบความวุ่นวายหรือ ประชาชนได้ใช้อำนาจเพียง 4 วินาที จากนั้นตัวแทนก็เข้ามาแสวงหาประโยชน์ และอำนาจโดยอ้างว่ามาจากประชาชน ซึ่งครั้งหน้าไม่เจอแน่ เพราะเราได้วางแผนป้องกันไว้ให้ประชาธิปไตยเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ตนตั้งพรรค เพราะ เห็นโอกาส เห็นวิกฤตที่ผ่านมา ได้รับรู้ปัญหา

คิดว่า กลไกที่เราได้วางไว้คือกลไกที่จะไม่ทำให้เราย้อนกลับไปเป็นเช่นในอดีต เรามี ส.ว. เพื่อถ่วงดุล ส.ส. แต่ที่ผ่านมาเราถ่วงดุลไม่ได้ เพราะเรามีจำนวนน้อย ถามว่าตนอยากให้มีรัฐประหารไหม ตนขอบอกเลยว่า ตนไม่อยากให้มีรัฐประหารหรอก และถ้าท่านยังมีอคติว่า หน้าอย่างนี้ต้องเผด็จการ ต้องทหาร ท่านจะไม่ฟังสิ่งที่ตนพูด ทั้งนี้ต้องขอบคุณท่านที่เห็นต่าง แต่ตนก็ขอสงวนสิทธิ์ในการแสดงความเห็นในมุมของตน ตนอยากเห็นสังคมที่สงบ ไม่เกิดความวุ่นวาย การแสดงออกหรือการใช้สิทธิเสรีภาพ ต้องแสดงออกตามกฎหมาย และสังคมไทยหลังการเลือกตั้ง จะเดินไปตามระบอบนิติรัฐที่ถูกต้อง ไม่มีใครทำร้ายประเทศของเราได้ ขอให้เชื่อมั่นในความเป็นคนไทย ที่จะพาประเทศไปข้างหน้าได้

นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า ประชาธิปไตยของแต่ละคนมองกันคนละอย่าง แต่การมองคนละอย่างไม่ใช่สิ่งที่เลว หรือไม่ดี แต่เป็นสิ่งที่สวยงามตามระบอบประชาธิปไตย ตนเห็นหลายฝ่ายทุกข์กันตั้งแต่ต้นในการเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งตนไม่เห็นด้วย ท่านต้องมองโลกในแง่ดีหน่อย คิดเชิงบวก อย่าไปเพิ่มความขัดแย้งให้มาก ทุกอย่างมันมีทางไปของมัน ทั้งนี้ตนไม่อยากพูดเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ใครจะแก้ก็แก้ไป แต่ตนยังมีความหวังที่จะเห็นการเลือกตั้งที่หลากหลาย มีพรรคต่างๆ เข้าไป ส่วนจะก้าวข้ามกับดักอย่างไรนั้น ตนเห็นแต่อนาคตที่ดี อย่าไปคิดให้มันมาก เมื่อก่อนตนเคยคิดจึงออกไปชุมนุม แต่ท่านต้องมองทุกอย่างด้วยความหวัง ในมุมของตนท่านจะเห็นด้วยหรือไม่ก็แล้วแต่

แต่ตนมีความหวัง ตนเห็นว่าเราจะเข้าสู่โหมดนิติรัฐ เราจะเป็นสังคมที่ใช้กฎหมาย วันข้างหน้ากฎหมายก็ถอยไม่ได้ กฎระเบียบต่างๆ ก็ออกมาหมดแล้ว อีก 5 ปี ข้างหน้า เขาวางให้ ส.ว.มาคุม สังคมไทยเราจะเดินไปได้ แม้จะไม่ถูกใจใครแต่จะเดินไปได้ และตนคิดว่าทุกอย่างต้องเดินหน้าไปตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ เราต้องเริ่มประชาธิปไตยที่แท้จริงจากในพรรคการเมืองด้วย กฎระเบียบที่ออกมานั้นจะทำให้พรรคการเมืองทุกพรรคเกิดการปฏิรูป และได้พรรคการเมืองที่ดีขึ้น

ขอให้ท่านทนไป 5 ปี และเมื่อท่านทนได้แล้วท่านจะชอบ

เมื่อถามว่า หากประเทศไทยในอนาคตมีการเลือกตั้งแล้วเกิดการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลชุดใหม่ จะทำอย่างไร

นายไพบูลย์ตอบว่า การชุมนุมที่ผ่านมาคนที่ได้ประโยชน์คือ คนที่เป็นประเภทตาอยู่ ส่วนประชาชนมีแต่เสีย คนรุ่นใหม่ท่านอย่าไปเอาอย่างที่เคยพลาดมาแล้ว และหากมีการชุมนุมอีกครั้ง ตนจะไม่ออกไปเพราะตนจะใช้แต่กฎหมาย ใครจะไปก็ไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน