แห่รับ “ขวัญชัย” พ้นคุก! ยันจุดยืนเดิม ลั่นโดนอาก้ายิง-ก็ไม่ตาย รอแสดงพลังวันเลือกตั้ง

แห่รับ “ขวัญชัย” พ้นคุก! ยันจุดยืนเดิม ลั่นโดนอาก้ายิง-ก็ไม่ตาย รอแสดงพลังวันเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 6 ก.ค. ที่สถานวิทยุชุมชนคนรักอุดร หมู่ 11 บ้านหนองลีหู ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้มีสมาชิกชมรมคนรักอุดรจำนวนมากได้ไปต้อนรับนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา อายุ 64 ปี อดีตประธานชมรมคนรักอุดร อดีตแกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน ที่ได้พ้นโทษหลังจากที่ศาลฎีกา สั่งลงโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีทำร้ายร่างกายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุดรธานี ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 51 ซึ่งวันที่ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2559 นายขวัญชัย ไม่เดินทางมารับฟังคำพิพากษา โดยศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลัง ปรับนายประกัน 5 แสนบาท โดยนายขวัญชัย ได้หลบหนีไปนั่งสมาธิและทำใจ ต่อมาได้เข้ามอบตัวต่อ พล.ต.อำนวย จุลโนนยาง ผบ.มทบ.24 (ตำแหน่งในขณะนั้น) ที่ บก.มทบ.24 ในวันที่ 6 ก.ค. 2559 และได้นำตัวส่งเข้าเรือนจำกลางอุดรธานี ทันที

ซึ่งบรรยากาศที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร มีสมาชิกชมรมคนรักอุดร จากในเขตเทศบาลนคร และอำเภอต่าง ๆ รวมไปถึงจังหวัดใกล้เคียง เดินทางมาให้กำลังใจ ขณะที่ นายวิเชียร ขาวขำ นายก อบจ.อุดรธานี, นายนิสิต สินธุไพร อดีต สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย, อดีตนักการเมืองท้องถิ่น, แกนนำ นปช. ชาวบ้าน และสมาชิกชมรมคนรักอุดร จำนวนมากที่ทราบข่าว เดินทางมาให้การต้อนรับ พร้อมทำแผ่นป้าย ข้อความเขียนว่า “ยินดีต้อนรับ ขวัญชัย ไพรพนา ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยรักและคิดถึง ” ซึ่งมีนางอาภรณ์ สาราคำ อดีต สว.อุดรธานี ภรรยานายขวัญชัย ร่วมต้อนรับ พร้อมนำเส้นฝ้ายผูกข้อมือเรียกขวัญตามประเพณีอีสาน ให้บรรดาผู้มาเยี่ยม ได้ผูกข้อมือ

ขวัญชัย

ในวันนี้นายขวัญชัย มีหน้าตาสดใส สุขภาพแข็งแรง แต่ยังเดินไม่สะดวก และยกแขนซ้ายไม่ถนัด เนื่องจากการถูกคนร้ายลอบยิงด้วยปืนอาร์ก้า เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 57 โดยชาวบ้านบางรายได้นำรูปภาพพระเกจิอาจารย์มา มอบให้เป็นของขวัญ และนำเงินมาผูกข้อมือเรียกขวัญให้กลับบ้าน โดยทางชมรมคนรักอุดร ได้ทำก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ และข้าวราดแกง ไว้คอยให้บริการแก่ชาวบ้านที่มา มีโฆษกและนักจัดรายการวิทยุ ได้พูดต้อนรับ นายขวัญชัย กลับบ้าน พร้อมกับเปิดเพลงและหมอลำกันอย่างสนุกสนาน

นายขวัญชัย เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่มีพี่น้องมาต้อนรับจำนวนมาก ตนอยู่ในเรือนจำครบ 2 ปีเต็ม ตนได้รับสิ่งต่างๆ มากมาย และเป็นนักโทษคนแรกที่ออกจากคุกเร็วที่สุด โดยปกติแล้วจะปล่อยนักโทษ ช่วง 09.00 น. เนื่องจากทางเรือนจำเกรงว่าจะมีประชาชนมาคอยต้อนรับขวัญชัย จำนวนมาก จึงให้ตนออกมาเร็ว ซึ่งได้ปลุกตนให้ตื่น ตั้งแต่ 05.00 น.แล้วให้ทางเจ้าหน้าที่ขับรถมาส่งถึงชมรมคนรักอุดร ซึ่งตอนนี้ตนรอเวลาเปิดหีบเลือกตั้ง ประชาชนจะได้แสดงพลังออกมา ถ้าคนอีสานรักใครรักจริง จะไม่มีอะไรที่จะมาเปลี่ยนจุดยืนของตนได้ ถึงแม้จะถูก ปืนอาก้า ยิงตนก็ยังไม่ตาย หลังจากถูกยิงตนจึงได้สร้างบ้านหลังใหม่ ได้ขายบ้านหลังเก่า 2 หลัง ได้เงินเกือบ 7 ล้าน แล้วมาสร้างหลังใหม่ แล้วจะนำลูกชายลูกสะใภ้ที่จะแต่งงานในเดือนธ.ค. มาอยู่ ซึ่งตนขอยืนยันว่าการต่อสู้ของขวัญชัยยังเหมือนเดิม เพื่อความยุติธรรม โดยความยุติธรรมไม่มีความสามัคคีก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นมา

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ได้เดินทางมายังสถานีฯ พร้อมพูดจาปราศรัยให้กำลังใจกับนายขวัญชัย และสมาชิกชมรมคนรักอุดร ที่มาต้อนรับ ซึ่งขณะเดียวกันเกิดไฟฟ้าช็อต ข้างห้องครัวของสถานี โดยทางเจ้าหน้าที่สถานีได้ทำการช่วยกันดับไฟไว้ได้ทัน จากนั้นนายนายณัฐวุฒิ ได้ออกมายืนหน้าสถานีพร้อมด้วยนายขวัญชัย และแกนนำ ได้พบประกับสมาชิกชมรมคนรักอุดร และประชาชนที่มาต้อนรับ

ขวัญชัย

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในวันนี้รู้สึกได้เลยว่าในหัวใจลูกผู้ชายชื่อขวัญชัย ไพรพนา และครอบครัว ต้องเป็นปลื้ม ความเมตตา ความรัก ความผูกพัน ที่พี่น้องมอบให้ ตนไม่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมนายขวัญชัย ที่เรือนจำอุดรธานี แต่ ได้พบกันตลอด 2 ปีที่ถูกจองจำ ที่นายขวัญชัย ถูกเบิกไปดำเนินคดีก่อการร้าย ที่กรุงเทพ ตนได้บอกกับขวัญชัยและภรรยาว่า วันไหนที่พ้นโทษออกมา ตนจะมารับ อย่างไรก็ตาม ขวัญชัย ไพรพนา ได้มายืนอยู่หน้าพวกเราในวันที่ได้รับอิสรภาพ พวกเรามีกันและกันอย่างนี้มาตลอด มีพี่น้องคอยเคียงข้าง ต่อสู้ร่วมกันในหลักการที่พวกเราว่าถูกต้อง เราประสบชะตากรรมกันมามากมาย บางคนก็บอกว่าพวกแกนนำหน้าเห็นใจ ติดคุกเข้าๆ ออกๆ คนละหลายรอบ

อยากให้รู้ว่าหัวใจของคนเป็นแกนนำ ตนเชื่อว่าชะตากรรมที่พวกเผชิญอยู่ยังน้อยกว่าชะตากรรมของพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ ซึ่งจากไป จากการถูกสังหารในช่วงเวลาของการต่อสู้ จนถึงขนาดนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เรื่องการเข้าถึงระบบกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นสิ่งที่พวกตนเจอมาเทียบค่าไม่ได้ กับสิ่งที่พี่น้องประชาชนที่ร่วมต่อสู้ อย่างไรก็ตามมาถึงวันนี้ในท่ามกลางความทุกข์ยากเจ็บปวดทั้งหลาย ก็ยังมีนายขวัญชัย กลับคืนสู่อิสรภาพ พวกตนติดคุกด้วยกันหลังจากการชุมชุมปี 2553 ตนเป็นน้องเล็กสุดอายุน้อยกว่า ติดด้วยกันกับแกนนำ อีกหลายคน เป็นเวลา 9 เดือนกว่า ซึ่งอยู่ในนั้นเห็นกันหมดว่าหัวใจใครเป็นอย่างไร รู้ถึงธาตุแท้ของทุกคนเป็นแบบไหน ตนสามารถพูดได้เต็มปากว่า ตนเป็นพี่น้องกับขวัญชัย ไพรพนา ซึ่งขวัญชัย จบเพียง ป.4 ใช้ชีวิตต่อสู้เดินทางมาจนถึงวันนี้ ถ้าหากสิ่งที่ ขวัญชัย ทำมาทั้งหมด เกิดเป็นผลดีกับบ้านกับเมืองแล้ว ควรค่าที่จะได้รับความเมตตาจากประชาชน ซึ่งนายขวัญชัยได้ร้องไห้ ออกมา ด้วยความตื้นตันใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน