ก.พาณิชย์โบ้ยกันว่น “รมต.-ปลัด”เกี่ยง เซ็นสั่งยึดทรัพย์ หึ่งวิ่งจนชื่อพลิก รองอธิบดีป่าไม้ ตู่ระทึกบินภูเก็ต

สนช.ลงมติถอด “สุกำพล” ปมแทรกแซงตั้งปลัดกลาโหม ตัดสิทธิการเมือง 5 ปี “บิ๊กโอ๋” เชื่อ มีการสั่งการแต่ถือว่าจบแล้ว ทนาย “ปู”โวยคำสั่งคสช.มอบกรมบังคับคดียึดทรัพย์จำนำข้าว เพื่อไทยแฉ”สุภา-กก.อนุปิดบัญชีจำนำข้าว”ระบุเองบัญชียังไม่ได้ตรวจสอบและไม่มีเอกสาร พาณิชย์โยนกันวุ่นลงนามยึดทรัพย์จีทูจี “บิ๊กตู่”ระทึกก่อนบินไปภูเก็ต เครื่องขัดข้องต้องเปลี่ยนลำกะทันหัน เห็นชอบหลักการโครงการภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ โครงการเส้นทางเชื่อมท่องเที่ยวอันดามัน สั่งศึกษาทางรถไฟสายชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง การพัฒนาสนามบินเมืองตรัง



บิ๊กตู่ระทึก-เปลี่ยนเครื่องบิน

เวลา 07.00 น. วันที่ 16 ก.ย. ที่กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมพล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ. วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะ ออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานา ชาติภูเก็ต เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดอาคาร ผู้โดยสารระหว่างประเทศ

เวลา 06.55 น. ก่อนเครื่องขึ้นเพียง 5 นาที เกิดเหตุขัดข้องกับเครื่องบินลำที่นายกฯและคณะจะใช้เดินทาง โดยขส.ทบ.นำเครื่องบินแอมแบร์ (บ.ท.135) กองทัพบก เลขประจำเครื่อง 1084 กลับเข้ามาจอดโดยเจ้าหน้าที่ไม่ระบุถึงสาเหตุขัดข้องครั้งนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่เปลี่ยนลำใหม่เป็นเครื่องบินแบบแอมแบร์ (บ.ท.135) เลขประจำเครื่อง 1124

รายงานข่าวเผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าระบบแอร์ทำความเย็นในตัวเครื่องซึ่งมี 2 ตัว เสีย 1 ตัว อาจส่งผลต่อระบบความเย็นในตัวเครื่องเย็นไม่ทั่วถึงโดยเฉพาะเวลาทำการบินในระดับสูง และจอภาพวัดระดับความสูงของเครื่องขัดข้อง แต่ไม่เกี่ยวกับระบบตัวเครื่องมีปัญหา เพื่อความมั่นใจประกอบกับมีเครื่องบินสำรองที่ไม่มีภารกิจจอดอยู่ นักบินจึงตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องบิน



ลั่นปราบมาเฟียสนามบิน

จากนั้นเวลา 09.45 น. ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานพิธีเปิดอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า มาให้กำลังใจและขอชื่นชมการดำเนินการของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต จะสามารถขยายการรองรับผู้โดยสารได้ถึงปีละ 12.5 ล้านคน และต้องมุ่งเน้นการท่องเที่ยวด้วย ต้องมองว่าระบบสาธารณูปโภคพอเพียงรองรับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ เรื่องรักษาความปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องมาเฟียต้องไม่เกิดขึ้น รัฐบาลจะปราบปรามผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียต่างๆ จะค่อยๆ แก้ไขปัญหาเรื่องผู้มีอิทธิพลในทุกสนามบินโดยเฉพาะแท็กซี่ ไม่ว่าจะสีอะไรต้องไม่เกิดทั้งนั้น ที่ตนต้องพูดทุกวันนี้ไม่ใช่ต้องการอะไรหรือสร้างอะไรไว้เป็นเกียรติกับตัวเอง แต่เพื่อสร้างความเข้าใจให้ทุกคน ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง แม้จะพูดง่ายแต่ยอมรับว่าทำยาก

จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่และทักทายนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเป็นกันเอง พร้อมเชิญชวนให้กลับมาเที่ยวไทยอีก



ฝนถล่มต้องนั่งรถแทนขึ้นฮ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากเหตุขัดข้องจนต้องเปลี่ยนเครื่องบิน การลงพื้นที่ภูเก็ต นายกฯมีกำหนดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ (ฮ.ท.139) จากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตไปปฏิบัติงานต่อที่ต.ป่าตอง อ.กะทู้ แต่เนื่องจากฝนตกอย่างหนักจึงต้องเปลี่ยนมาใช้รถโตโยต้า เวลไฟร์ เลขทะเบียน กธ 5522 ภูเก็ต เพื่อไปเป็นประธานพิธีเปิดงาน “Startup Thailand & Digital Thailand ภูมิภาค 2016” ที่เกิดจาก การบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาธุรกิจวิสาหกิจเริ่มต้น (สตาร์ตอัพ)

เวลา 11.20 น. ที่ดวงจิต รีสอร์ท แอนด์ สปา นายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “การส่งเสริมภูเก็ตสู่ศูนย์กลางธุรกิจสตาร์ตอัพและเมืองอัจฉริยะตอนหนึ่งว่า ยืนยันว่ารัฐบาลใช้กฎหมายพิเศษในด้านความมั่นคงเพื่อให้มีความสงบเรียบร้อย จะเห็นว่าประชาชนมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ไม่มีปัญหา จึงต้องขอให้ใช้เวลานี้ให้ความร่วมมือ ด้านเศรษฐกิจอาจมีปัญหาอยู่บ้างเพราะมีการจัดระเบียบจึงทำให้บางคนเดือดร้อน แต่สิ่งที่ทำตนทำเพื่อคนไทยทั้ง 70 ล้านคน ยืนยันว่าประเทศไทยมีศักยภาพในทุกเรื่องจึงอย่าไปกลัวผีที่มองไม่เห็น ต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง ไหว้พระก็จะปลอดภัยแล้ว และขออย่าฝันกลางฤดูฝนว่าจะเป็นนั่นจะเป็นนี่ รัฐบาลมี นโยบายที่จะทำให้สอดคล้องกับความต้องการของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่ดูแลเฉพาะพื้นที่ แต่ต้องสร้างความเข้มแข็งเป็นภูมิภาคและกลุ่มจังหวัด สร้างความเชื่อมโยงระหว่างกัน



ขอคำสัญญาเลือกคนดี

นายกฯกล่าวว่า ดีใจที่มาภูเก็ตแล้วมีคน มาต้อนรับ ขอร้องอย่าไปเกณฑ์มาและไม่ต้อง มีดอกไม้ แม้บางคนแนะนำว่าให้รับไปเพราะเขามีน้ำใจและคนขายจะมีรายได้ แต่ตนไม่ต้องการและไม่รู้เป็นอะไรตนโชกเลือดเกือบทุกเรื่อง ขนาดแค่เรื่องกางร่มหรือไม่กางร่ม ยังโดนด่า สรุปต้องโชกโชนทุกเรื่อง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอย้ำว่าวันนี้อำนาจเป็นของประชาชน ถ้าเลือกผิดก็จะผิดต่อไป แต่ถ้าเลือกคนดีก็จะดีต่ออนาคตและมาสานต่อนโยบายดีๆที่ตนวางไว้ แต่ทั้งหมดใครเข้ามาเป็นรัฐบาลเขาก็มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลง แต่เราก็มีแผนปฏิรูป แผนพัฒนาทุก 5 ปี รวมทั้งมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นตัวกำหนด ดังนั้น อำนาจทั้งหมดอยู่ที่มือประชาชนทุกคนว่าต้องการให้ประเทศก้าวหน้าและมีอนาคตต่อไปหรือไม่ ฟังแล้วคิดว่าเห็นอนาคตหรือไม่ อนาคตขอตนกับนโยบายการเมืองมันคนละเรื่องอยู่ที่ประชาชนจะเลือกแบบไหน แต่ถ้าในห้องนี้เห็นด้วยกับตนก็ถือว่าเป็นสัญญา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการแต่งตั้งรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมว่า วันนี้ยังเป็นห่วงกันว่ารัฐมนตรีจะเป็นใคร ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใครก็เหมือนกัน เพราะต้องทำตาม นโยบายรัฐบาลโดยฝ่ายเศรษฐกิจได้วางไว้แล้ว จึงขออย่ากังวล



โต้คนถาม-ไหนว่าขอเวลาไม่นาน

เวลา 14.20 น. ที่ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์ พบปะประชาชนที่มาต้อนรับประมาณ 2,000 คน ร่วมถ่ายรูปเซลฟี่ ชูนิ้วสัญลักษณ์ไทยแลนด์ 4.0 กับนักศึกษาราชภัฏภูเก็ต พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้รู้สึกอบอุ่นใจที่ได้มาเยือนภูเก็ตอีกครั้ง ตนเคยมาแก้ปัญหาหลายอย่างครั้งเป็นผบ.ทบ. แต่เพิ่งจะมาเห็นผลในวันนี้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีหลายคนถามว่าพอหรือยังและที่บอกว่าจะขอเวลาอีกไม่นานแล้วเมื่อไรจะไป ขอถามกลับว่าวันนี้มีความสงบเรียบร้อยแล้วหรือยัง ยืนยันว่าจะอยู่ตามโรดแม็ป แม้วันนี้ทุกอย่างประดังประเดมาที่รัฐบาลทั้งหมดแต่เราพยายามทำเต็มที่ จึงขอความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน ขณะนี้ทุกประเทศชื่นชมประเทศไทยและอยากมาร่วมมือในรัฐบาลนี้ แต่ยังถามว่าสถานการณ์ในประเทศจบหรือยัง จะจบแบบนี้อีกนานแค่ไหน เราจึงต้องมองประเทศเป็นที่ตั้ง ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องอยู่กับประเทศไปนานแสนนาน



ข้าวเกวียนละ1.5หมื่นเป็นไปไม่ได้

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขอให้เตรียมการรองรับภัยพิบัติและรับความเสี่ยงในอนาคตที่ไม่มีใครทำนายได้แม้แต่หมอดู แต่เชื่อว่าถ้าทำดี แผ่นดินนี้จะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่หากทำไม่ดีแผ่นดินก็จะต่ำลงเรื่อยๆ เพราะคนหนักแผ่นดินยังยืนอยู่ ที่ผ่านมามีความสับสนอลม่านจึงต้องเห็นใจรัฐบาลที่ทำหลายอย่าง รื้อขยะออกจากทุกมุมห้องเพราะรอไม่ได้อีกแล้ว และสิ่งที่อันตรายที่สุดคือการสร้างความเกลียดชังผ่านโซเชี่ยลมีเดียเพราะไม่สามารถหาคนรับผิดชอบได้ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม คนไทยไม่ใช่คนโง่ ไม่มีใครมาปลุกปั่นได้อยู่แล้ว และหากไม่ร่วมกันปฏิรูปในวันนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกแล้วทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

“ผมพร้อมเป็นตัวประกันให้ทุกคน โดยร่วมมือกับทุกคน ยังไงก็หนีไม่รอดอยู่แล้วเพราะต้องอยู่กับทุกคน แต่จะอยู่เท่าไรก็เท่านั้น หากยังขัดแย้ง ต่อต้านรัฐบาลในทุกเรื่องก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ขออย่าเอาอดีตมาทำให้ไม่ไว้วางใจ ที่ผ่านมาอาจมีประโยชน์กับคนแค่บางกลุ่ม แต่วันนี้ต้องไม่เกิดขึ้น อีก ขอให้จำคำพูดผมไว้ว่าคนดีไม่มีวันตาย ไม่มีวันตายจากความทรงจำของทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า เรื่องราคาข้าวจะขายในราคาเกวียนละ 15,000 บาท คงเป็นไปไม่ได้ แต่ที่ผ่านมามีคนทำมาแล้วหากทำต่อไปจะเสียหายต่อวงจรเศรษฐกิจและต้องหาเงินมาใช้แก้ปัญหานี้มากมาย

ในช่วงท้าย นายกฯ ขอพรหลวงพ่อแช่มที่ชาวภูเก็ตให้ความนับถือ ดลบันดาลให้ชาวภูเก็ตมีความสุขความเจริญและร่วมมือกันเพื่อพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป



ขยายถนนเอื้อเที่ยวอันดามัน

เวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมอาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 4 มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์ ประชุมหารือร่วมกับ กรอ.ส่วนกลาง และ กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ ตรัง) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจเข้าร่วม

กรอ.กลุ่มจังหวัดฯ เสนอโครงการการยกระดับเมืองสปาน้ำพุร้อนเค็มและพัฒนาเส้นทางอันดามันโรแมนติกโรด อ.คลองท่อม จ.กระบี่ และการสนับสนุนโครงการยกระดับเส้นทางเชื่อมโยงท่องเที่ยวอันดามัน ดังนี้ 1.เร่งรัดปรับปรุงเส้นทางสาย 4 (เพชรเกษม) เป็น 4 ช่องจราจร ประกอบด้วย สายระนอง-ราชกรูด สายราชกรูด-ตะกั่วป่า สายตะกั่วป่า-เขาหลัก และ 2.เร่งรัดปรับปรุงเส้นทางสาย 4027 เป็น 4 ช่องจราจร โดยนายกฯ เห็นชอบในหลักการและมอบกระทรวงที่เกี่ยวข้องไปศึกษารายละเอียดและกรอบงบประมาณ

สำหรับจ.ภูเก็ต เสนอโครงการภูเก็ต สมาร์ทซิตี้ มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยการออกแบบร่วมกับคนในท้องถิ่น ต่อยอดธุรกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นายกฯ เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นเจ้าภาพหลักบูรณาการแผนปฏิบัติการภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ โดยกระทรวงดิจิทัลฯจะร่วมกับบีโอไอ กำหนดแนวทางการส่งเสริมให้เอกชนเข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าว



สั่งศึกษาสนามบินเมืองตรัง

ทั้งนี้ นายกฯ เห็นชอบตามที่จ.พังงา เสนอขอโครงการเคลือบผิวจราจรลดการลื่นไถลเส้นทางหมายเลข 4 และ 4311 รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดศึกษาโครงการก่อสร้างสะพานลันตาช่วงแรก (บ้านหิน-บ้านคลองหมาก) ตามที่ จ.กระบี่ เสนอ ส่วนจ.ชุมพร นำเสนอโครงการศึกษาเส้นทางรถไฟ ชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง นายกฯมอบให้กระทรวงคมนาคมศึกษาความเป็นไปได้ของระบบโลจิสติกส์ และจ.ตรังนำเสนอโครงการพัฒนาท่าอากาศยานตรัง นายกฯ สั่งให้จังหวัดจัดทำงบประมาณจัดทำโครงการและศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการต่อไป

เวลา 16.30 น. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์กล่าวภายหลังการปฏิบัติภารกิจที่จ.ภูเก็ตเสร็จสิ้นว่า ไม่ตอบคำถามเรื่องการเมือง ขอคำถามที่สร้างสรรค์



สนช.ลงมติถอด”สุกำพล”ตามคาด

เวลา 11.20 น. ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เป็นประธานการประชุมสนช. พิจารณาการลงมติถอดถอนพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่ง กรณีแทรกแซงการปฏิบัติราชการในการแต่งตั้งนายพลดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1) และ (2) และขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 ข้อ 15

โดยเป็นการลงคะแนนลับ ซึ่งผู้ที่ถูกถอดถอนต้องมีคะแนนเสียงถอดถอนไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 ของจำนวนสมาชิก สนช.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ 217 คน คือ 131 เสียง โดยปรากฏผลการลงมติถอดถอนด้วยคะแนน 159 คะแนน ไม่ถอดถอน 27 คะแนน ไม่ออกเสียง 1 บัตรเสีย 1 รวมผู้มาลงคะแนน 188 คน มติถอดถอนดังกล่าวส่งผลให้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี โดยห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือรับตำแหน่งทางราชการ

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 ประธานการประชุมแจ้งว่า หลังจากนี้จะรายงานผลการลงมติดังกล่าวต่อผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าว และแจ้งต่อเลขาธิการครม. และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป



บิ๊กโอ๋ชี้ล็อบบี้กันมา-แต่ถือว่าจบ

พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เมื่อสนช.ตัดสินออกมาแบบนี้ต้องถือว่าจบไป การพิจารณาวันนี้ทราบว่ามีการสั่งการและล็อบบี้กันมา ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะประชาธิปไตยของไทยก็เป็นแบบนี้ ตนไม่ว่ากันก็ต้องรอดูกันต่อไป

เมื่อถามว่าการตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปีจะส่งผลกระทบต่อการทำงานทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่าไม่มีอะไร ตนไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ ตอนนี้อายุ 65 ปี ไม่ได้สนใจกับคำตัดสินของสนช. และตนไม่คิดจะลงสมัครส.ส. ส่วนอนาคตจะเล่นการเมืองต่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่สิ่งที่ป.ป.ช.ระบุว่าเหตุผลของตนทำให้มีปัญหาประเด็นปลัดกระทรวงกลาโหมไม่ได้ขึ้นตรงกับรมว.กลาโหมนั้น คำนี้ออกมาจากปากของป.ป.ช.แล้ว ตนมองว่ามันไม่เข้าท่าแต่ก็ไม่อยากว่าอะไร ให้เป็นเรื่องของเขาไป ยืนยันว่าการทำงานครั้งนี้สอดรับกันหมด ตนอยู่เฉยๆมานานแล้ว อยากให้ตนออกก็ออก ไม่มีปัญหา



วิษณุแจงระเบียบ”นร.”ไม่เกี่ยวคดีข้าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการแก้ไขระเบียบสำนัก นายกฯว่าด้วยหลักเกณฑ์ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 ในเรื่องอายุความที่มองว่าจะส่งผลต่อคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า ยืนยันการปรับแก้ไม่เกี่ยวกับคดีจำนำข้าวแม้แต่นิดเดียว ไม่เป็นคุณและไม่เป็นโทษ ตนเห็นการชี้แจงของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ใครอ่านต้องงง ที่จะเกิดความรู้สึกว่าเป็นการขยายหรือลดอายุความ ไม่มีใครจะปล่อยเรื่องที่ส่งผลต่อคดีจำนำข้าวออกมาเด็ดขาดในช่วงนี้ เรื่องนี้ตนจะชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง เพราะการจะพูดเรื่องของอายุความต้องนำไปเปรียบเทียบกับส่วนต่างๆ ด้วย เมื่อถามว่ากระทรวงการคลังได้ส่งตัวเลขความเสียหายจำนำข้าวมาแล้วหรือยัง นายวิษณุกล่าวว่ายัง



ทนายปูโวยคำสั่งคสช.

นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงการใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งที่ 56/2559 ให้อำนาจกรมบังคับคดียึดทรัพย์ในความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว ว่าบางข้อความในคำสั่งมีลักษณะชี้นำหรือไม่ เช่นที่ระบุว่าเพื่อระงับยับยั้งมิให้เกิดความเสียหายแก่รัฐเพิ่มขึ้น ทำให้เข้าใจได้ว่าเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว อีกทั้งเรื่องยังไม่ได้ข้อยุติยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาอีกหลายขั้นตอน ดังนั้น หากออกคำสั่งดังกล่าวหลังจากศาลตัดสินและคดีสิ้นสุดแล้วจะเหมาะสมกว่า แต่ขณะนี้คดียังไม่สิ้นสุด การออกคำสั่งดังกล่าวจึงมีลักษณะบังคับใช้เจาะจง ไม่ได้มีสภาพบังคับใช้ทั่วไปหรือไม่ คำสั่งดังกล่าวถือเป็นกฎหมายซึ่งหลักการออกกฎหมายควรบังคับใช้เป็นการทั่วไปและต้องเกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ ไม่ควรบังคับใช้หรือเจาะจงกับใครคนใดคนหนึ่ง

นายนรวิชญ์กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวออกเพื่อคุ้มครองการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ถามว่าหากเจ้าหน้าที่กระทำการด้วยความสุจริตก็ไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งมาเพื่อคุ้มครอง ดังนั้น การออกคำสั่งคุ้มครองเจ้าหน้าที่แบบนี้มีนัยยะสำคัญหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้พูดคุยกับน.ส.ยิ่งลักษณ์เพราะติดภารกิจอยู่ภาคเหนือ



จี้เปิดบัญชีข้าว

รายงานข่าวจากคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย ระบุว่าเรื่องนี้ผิดมาตั้งแต่ต้น เพราะไปเอาผลขาดทุนทางบัญชีมาเรียกเป็นความเสียหายว่ามีการทุจริต น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยกเลิกโครงการ ทั้งที่นโยบายของรัฐเป็นนโยบายสาธารณะนั้นขาดทุนอยู่แล้ว และการยึดทรัพย์นั้นบัญชีที่ยกมาเป็นบัญชีของน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ในฐานะอดีตประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว และน.ส.แน่งน้อย เจริญทวีทรัพย์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต และหนึ่งในอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งยกตัวเลขขึ้นมาลอยๆ แต่ไม่มีการนำเอกสารมาเปิด

รายงานข่าวระบุว่า น.ส.แน่งน้อยยังได้เขียนระบุไว้ในหมายเหตุเองว่าบัญชีที่ปิดนั้นไม่มีเอกสาร แต่กลับไม่มีใครพูดถึง ถ้าหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาโฟกัสจะทำให้นายวิษณุ เครืองาม หรือพล.อ.ประยุทธ์ชะงักได้ เพราะต้องสอบบัญชีก่อน โดยให้สตง.เป็นผู้สอบ ซึ่งในมุมขวาของบัญชี น.ส.แน่งน้อยและน.ส.สุภาเขียนไว้เลยว่าบัญชีดังกล่าวยังไม่ได้สอบทานและตรวจสอบ ดังนั้น จะมายกบัญชีขาดทุนลอยๆ ไม่ได้ จะเอาอะไรมาอ้าง ยอดตรวจนับข้าววันนี้ยังไม่ครบเลยก็ดำน้ำมาออกคำสั่งมาตรา 44 ทั้งที่เอกสารที่จะเอามายึดทรัพย์ยังไม่ถูกเลย ดังนั้น การออกมาตรา 44 ให้อำนาจกรมบังคับคดียึดทรัพย์จำนำข้าวนั้นทำได้เพราะมีอำนาจที่จะออก แต่ถามว่าจะยึดทรัพย์บนฐานอะไรหรือใช้อะไรเป็นฐาน



รมต.โยนปลัดพณ.ลงนามยึดทรัพย์

ที่กระทรวงพาณิชย์ นางอภิรดี ตันตรา ภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการลงนามในหนังสือบังคับทางปกครอง เรียกร้องค่าเสียหายจากการขายข้าวจีทูจีกับนักการเมืองและข้าราชการ 6 ราย มูลค่า 20,000 ล้านบาท ตามที่นายกฯมอบอำนาจให้ตนในฐานะรมว.พาณิชย์ลงนามนั้น เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้รับหนังสือตอบกลับและยืนยันจากนายกฯ กรณีหารือการมอบอำนาจให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายแทนสามารถดำเนินการทำได้ จึงมีคำสั่งถึงปลัดพาณิชย์มีอำนาจให้การลงนามแทนในวันที่ 16 ก.ย.

ส่วนเหตุผลการมอบอำนาจให้ปลัดลงนามในคำสั่งดังกล่าวแทน นางอภิรดีกล่าวว่า “ต้องบอกก่อนว่าพี่ไม่ใช่นักการเมืองแต่มาปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่มีความเชี่ยวชาญและทำงานอย่างตรงไปตรงมา เรื่องนี้ต้องลงรายละเอียดเยอะและเป็นเรื่องซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการทำงานให้รอบคอบ ไม่ตั้งใจที่จะกลั่นแกล้งและลงโทษใครทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้า เรื่องนี้ได้หารือนายกฯและกระทำตามกระบวนการ”

นางอภิรดีกล่าวว่า ขั้นตอนหลังปลัดพาณิชย์ลงนาม ฝ่ายกฎหมายจะแจ้งเรื่องไปยังผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 รายรับทราบ มีกำหนดให้ตอบรับหรือหากจะโต้แย้งก็ต้องดำเนินการภายใน 30 วัน หากเพิกเฉยจะส่งหนังสือแจ้งเตือนรอบที่ 2 และมีระยะเวลา 15 วัน หากยังเพิกเฉยอีกก็จะส่งเรื่องไปยังกรมบังคับคดีเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป



ปลัดยันยังไม่ลงนาม

ด้านน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดพาณิชย์ กล่าวว่า ตนยังไม่มีการลงนามในคำสั่งฯ รอคำสั่งก่อน ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์มีทีมกฎหมายดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว ที่จะส่งเรื่องไปยัง 6 ราย หากรายใดมีข้อโต้แย้งก็สามารถยื่นเรื่องได้ที่ศาลปกครอง และเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่แย้งต่อไป

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ว่าที่ปลัดพาณิชย์คนใหม่ กล่าวว่า แม้ว่าตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 เป็นต้นไป ตนจะเข้ารับตำแหน่งปลัดพาณิชย์อย่างเป็นทางการ แต่เรื่องการฟ้องร้องค่าเสียหายจีทูจีตนไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการมาแต่ต้นจึงไม่รับรู้รายละเอียด หากต้องเข้าไปดูแลคงต้องเข้าไปดูในรายละเอียดในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรและขั้นตอนของการทำงาน โดยที่ผ่านมาปลัดพาณิชย์คนปัจจุบันและทีมงานของกรมการค้าต่างประเทศ ดำเนินการเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว



ปลัดใหม่หวั่นถูกดึงไปเอี่ยว

“หากจะให้เป็นผู้ลงนามในคำสั่งเรียกค่าเสียหายต้องมีเหตุผลและอธิบายได้ รวมถึงที่มาที่ไปว่าเป็นเพราะเหตุใด การจะเซ็นอะไรต้องดูอย่างรอบคอบไม่ใช่ใครตั้งมาและให้ลงนามอะไรก็ต้องลงนามและดำเนินการทันที เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนและกระบวนการ ส่วนตัวเชื่อและมั่นใจว่าปลัดคนปัจจุบันซึ่งดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นและมุ่งมั่นแก้ไขปัญหามาโดยตลอดเป็นผู้รู้เรื่องจริง ก็จะไม่น่าจะมีการบังคับให้ลงนาม” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าวกับคนใกล้ชิดว่าไม่รู้เรื่องคงต้องศึกษาก่อน หากมีการบังคับให้ลงนามหลังจากเข้ารับตำแหน่งก็อาจถอดใจลาออก



กกต.ส่งพรบ.เลือกตั้งสส.ให้กรธ.

เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานกกต. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ผู้ทรงคุณวุฒิกกต. แถลงว่า กกต.จะส่งร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ในวันนี้ มีเนื้อหาสาระสำคัญคือ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งได้เอง เพิ่มค่าการรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขต เพิ่มช่องทางรับสมัครทางอินเตอร์เน็ตควบคู่กันกับวิธีปกติ ผู้สมัครต้องติดป้ายตามขนาดและในพื้นที่ที่กกต.กำหนดเท่านั้น พรรคที่เสนอชื่อนายกฯต้องดีเบตนโยบายต่อสาธารณะ

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า การคำนวณ ส.ส.แบบจัดสรรปันส่วนผสมจะยึดตามรัฐธรรมนูญกำหนด ที่จะมีปัญหาคือการปรับสัดส่วนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้อยู่ในกรอบ 150 คน ตามเจตนารมณ์ของกรธ.ใช้วิธีการเทียบบัญญัติไตรยางศ์ อย่างไรก็ตาม จำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออาจมีการเปลี่ยนแปลง กรณีกกต.ยังไม่ประกาศผลในส่วนร้อยละ 5 ของส.ส.ทั้งหมด ภายใน 1 ปี หากมาคำนวณในภายหลัง อาจทำให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งส.ส.แบบัญชีรายชื่อไปแล้วและอยู่ในลำดับท้ายๆ ต้องหลุดจากตำแหน่ง แต่ถ้าพ้นระยะเวลา 1 ปีไปแล้วจะไม่มีการคำนวณ



ไม่บัญญัติใบดำ

พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า กรณีการเลือกตั้งไม่สุจริต ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต.สามารถสั่งระงับสิทธิรับสมัครหรือใบส้มได้เป็นเวลา 1 ปี โดยมติกกต.ถือเป็นที่สุด พร้อมสั่งเลือกตั้งใหม่ได้ หลังประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง กกต.สามารถเสนอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือใบแดง มีระยะเวลา 5-10 ปี แล้วแต่ความผิด ส่วนกรณีเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือใบดำ มีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและยอมรับว่าควรบัญญัติไว้ในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว แต่กกต.เห็นว่ายังไม่ชัดเจนว่ากรธ.มีเจตนาจะให้หมายถึงความผิดลักษณะใดบ้าง จึงยังไม่มีการกำหนดเรื่องดังกล่าวไว้ในร่างพ.ร.บ. แต่จะมีข้อสังเกตและไปหารือกับกรธ.ในวันที่ 19 ก.ย.นี้

ผู้ทรงคุณวุฒิ กกต. กล่าวว่า เดิมคณะทำงานคิดว่าจะเอาโทษตามมาตรา 53 พ.ร.บ. ว่าด้วยเลือกตั้ง ส.ส.2554 ไปใส่ไว้เป็นลักษณะความผิดที่จะเข้าข่ายใบดำ แต่ยังไม่ชัดเจน เพราะการจำแนกโทษระหว่างการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกับการเพิกถอนสิทธิรับสมัครนั้น เป็นไปได้ยาก อีกทั้งอำนาจการร่างกฎหมายลูกเป็นของกรธ. จึงอยากหารือเพื่อหาความชัดเจนก่อน และให้กรธ.เป็น ผู้กำหนดลักษณะความผิดที่จะเข้าข่ายใบดำไว้ในกฎหมายลูกเอง

“ยอมรับว่าหากไม่มีการกำหนดในทางปฏิบัติเมื่อเกิดการทุจริต และกกต.ต้องเสนอต่อศาลเพื่อให้ลงโทษ กกต.ต้องระบุว่าจะให้ศาลลงโทษความผิดใดระหว่างเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิรับสมัคร แต่ทั้งหมดไม่ว่าจะโดนโทษใดตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา 98 (11) ที่กำหนดว่าผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่าทุจริตเลือกตั้ง ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองและกรรมการองค์กรอิสระตลอดไป” พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าว



ธีรวัฒน์เลี่ยงตอบปมถูกสอบ

ที่สำนักงานกกต. นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. กล่าวถึงผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบจริยธรรมของนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและออกเสียงประชามติ เข้าข่ายขัดจริยธรรมร้ายแรงว่า ตนเพิ่งกลับจากปฏิบัติภารกิจที่จ.เชียงราย ยังไม่ทราบว่าหนังสือของผู้ตรวจการฯมีเนื้อหาอย่างไร หรือระบุให้กกต.ดำเนินการอย่างไรบ้าง ตนได้เจอกับนายธีรวัฒน์ ที่จ.เชียงรายก็ให้กำลังใจ แต่ไม่ได้คุยถึงรายละเอียด ตัวนายธีรวัฒน์ก็ไม่ได้ชี้แจงหรือแสดงท่าทีวิตกกังวล เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนจะต้องดำเนินการตามระเบียบอย่างไรนั้น ยังไม่ทราบ

เมื่อถามว่าจะนำเข้าที่ประชุมกกต.เมื่อไร นายศุภชัยกล่าวว่า ต้องดูว่าระเบียบต่างๆ จะดำเนินการอย่างไร เพื่อความรอบคอบ จึงยังไม่ทราบว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมเมื่อใด เมื่อถามว่ากรณีเกี่ยวกับจริยธรรมจะต้องดำเนินการอย่างไร นายศุภชัยกล่าวว่า ต้องไปอ่านรายละเอียดก่อน เมื่อถามว่าการให้กกต.ตรวจสอบกันเองจะถูกมองว่าช่วยเหลือกันหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า ยังไม่ทราบ เราไม่สามารถเดาใจกรรมการคนอื่นได้

ส่วนกังวลว่าจะกระทบภาพลักษณ์องค์กรหรือไม่ เพราะขณะนี้เผชิญกับปัญหาหลายอย่าง นายศุภชัยกล่าวว่า ยอมรับว่าก็มีความกังวลบ้างแต่ต้องดูข้อเท็จจริง ดูอย่างอื่นประกอบด้วย เราไม่สามารถไปชี้ชัดตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจฯ เมื่อถามว่าถ้าเป็นไปตามที่กล่าวหาเรื่องชู้สาวจะมีผลอะไรหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า ไม่สามารถให้ความเห็นได้

ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ นายธีรวัฒน์ ซึ่งได้รับแจ้งจากทางทีมงานว่าไม่สะดวก



ปัดใช้ชื่อเมียบิ๊กติ๊ก-ตั้งชื่อฝายน้ำ

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ทีมสำนักเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ในโลกโซเชี่ยลมีการแชร์ภาพถ่าย “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” ซึ่งเป็นฝายชะลอน้ำใน จ.เชียงใหม่ สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แต่กลับตั้งชื่อฝายตามชื่อของน้องสะใภ้ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยาปลัดกลาโหม จึงขอตั้งคำถามถึงพล.อ.ประยุทธ์ เหตุใดปล่อยให้เอาชื่อตัวเองมาตั้งเป็นชื่อฝายชะลอน้ำนี้ ใช้งบประมาณจากที่ไหนสร้าง ถ้าใช้เงินหรือทรัพยากรของหลวงสร้างแล้วตั้งชื่อตัวเอง เหมาะสมหรือไม่

รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหมเผยว่า ป้ายที่ขึ้นเป็นป้ายต้อนรับนายกสมาคมแม่บ้านปลัดกลาโหม ใช้ไม้ไผ่เสียบข้างขึงเป็นสี่เหลี่ยมคล้ายจอหนังเท่านั้น เมื่อเสร็จงาน เจ้าหน้าที่ก็เก็บแล้ว และที่ป้ายมีชื่อ “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” ทางผู้จัดสร้างทั้งหมดเห็นว่ามีแม่น้ำและตำบลที่จัดสร้างฝายนั้นมี “ผ” อยู่ จึงเห็นว่าตรงกับชื่อของประธานที่มาเปิด จึงใช้เป็นชื่อนำหน้า ส่วนคำว่าพัฒนามาจากประชารัฐ คือคนในหมู่บ้านทั้งหมดมาช่วยกันพัฒนา ทั้งประชาชนในหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน 17 หมู่บ้าน ป่าไม้ ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจ ทหาร และนักเรียนในหมู่บ้าน เป็นกิจกรรมการมีส่วนร่วมพัฒนาเท่านั้นไม่ได้นำมาเป็นชื่อฝายอย่างที่เป็นข่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน