“บิ๊กตู่”โชว์ลีลาเตะบอลให้กำลังใจทีมชาติไทยแต่เสียหลักล้มคะมำ ระหว่างนำข้าราชการทำเนียบเอ็กเซอร์ไซส์วันพุธ เวทีกรธ.ชี้แจงพ.ร.บ.พรรคการเมืองหงอย พรรคใหญ่เพื่อไทยเมิน ภูมิใจไทยไม่ไปร่วม มีแค่ปชป.ส่งโนราห์ตัวเล็กๆ ไปแทน แถมถูกวิพากษ์หนักจนยอมรับปากนำไปแก้ไข มีชัยโต้ลั่นยันไม่ใช่แค่พิธีกรรม เปิดอีกพ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้งตั้งเวทีชี้แจงอีก ปูขึ้นศาลนัดที่ 9 อดีตรมต.-ส.ส.พร้อมมวลชนไปให้กำลังใจแน่น ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องมัลลิกาหมิ่นยิ่งลักษณ์คดีว.5 โฟร์ซีซั่น ชี้ติดตาม ตรวจสอบแสดงความคิดเห็นด้วยความเป็นธรรม

บิ๊กตู่อยู่มา 2 ปีประชาชนยินยอม

เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 14 ธ.ค. ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2561 และการจัดทำงบประมาณปี 2560 เพิ่มเติม ให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าฯ เพื่อเป็นแนวทาง จัดทำงบประมาณให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าตนยังอยู่ แข็งแรงดี พร้อมทำงานอย่างเต็มที่ตามสติกำลังของตน เรากำลังเดินหน้าประเทศทั้งระบบ เพื่อไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะผิดจากการวางนโยบายไว้ แต่ทั้งหมด ต้องอาศัยความร่วมมือ และความเข้าใจที่ตรงกันจากทุกภาคส่วน ต้องทำให้เกิดความร่วมมือให้ได้โดยเร็ว โดยไม่คำนึงถึงตัวตน วัฒนธรรมในองค์กรมากเกินไป ดังนั้นเราจะต้องมีความฝันร่วมกันให้ได้โดยเร็ว

นายกฯ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนมองอนาคต ร่วมกัน และทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ถ้าเรายังคิดแบบเดิม ไม่ยอมคิดนอกกรอบ ก็คิดอะไรไม่ออก เพราะจะติดปัญหาทุกอย่างทั้งกฎหมาย ระเบียบ กติกา ซึ่งเราจำเป็นต้องปรับปรุงให้ทันสมัย ดำเนินการได้ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา เราพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ และถือว่าได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ไม่ใช่ด้วยอำนาจของตน แต่มาจากความยินยอมของประชาชน ทำให้เรายืนอยู่ตรงนี้ได้ ทั้งนี้ สิ่งที่จะตอบแทนได้คือการทำตามในสิ่งที่ประชาชนมุ่งหวัง โดยอาศัยความร่วมมือร่วมแรงใจ การเป็นผู้นำที่ดีจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องนำด้วยอำนาจ กฎหมายที่กำหนดไว้ตามระบบราชการ แต่ผู้นำที่ดีที่สุดจะต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยการคิดนอกกรอบ มีวิสัยทัศน์เชิงรุก และนำกลับเข้ามาสู่ในกรอบ เราต้องทำให้ทุกอย่างเชื่อมโยงกันในทุกระบบ ทำให้ทุกคนมีความสุข ถือเป็นระบอบประชา ธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์

ไม่สืบอำนาจ-ต้องมียุทธศาสตร์

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากให้ทุกคนแต่ละองค์กรสร้างจริยธรรม ตั้งแต่ลูกจ้างยันรัฐมนตรีในการบริหาร ต้องสอนให้ประชาชนเรียนรู้ว่าเรากำลังเดินหน้าประเทศอย่างไร จะอยู่แบบนี้ไม่ได้ พอถึงเวลาเอาโครงการไปลง ทำประชาพิจารณ์ก็ไม่ผ่านโดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ ตนอยากให้จำแนกเป็นโครงการขนาดเล็ก แต่ไม่ทิ้งโครงการใหญ่ แต่ทำในส่วนที่ทำได้ก่อน ถ้ารองาน จะติดทั้งหมด เดินต่อไม่ได้ทั้งชาตินี้ชาติหน้า ขอให้ทบทวนโครงการขนาดใหญ่ทั้งหมด จำแนกย่อย มาใหม่ ให้เกิดประโยชน์ทั้งต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ถ้ามีแต่ต้นทาง ตนไม่ให้ และบูรณา การกระทรวงที่เกี่ยวข้องด้วย คิดว่าเพียงงบประมาณปี 61 คงไม่พอ จึงต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องทำเท่านี้ เท่านั้นอย่างที่เขาบิดเบือน มันไม่ใช่ เขียนวันนี้ ทำวันนี้ใครจะเปลี่ยนก็เชิญ

“ผมไม่ได้จะสืบทอดอำนาจ แต่สืบสิ่งที่จะทำให้ประชาชนในสิ่งที่จะเกิดขึ้นอีก 20 ปี ถ้าเขาไม่ทำ เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะเลือกรัฐบาลมา ฉะนั้น ต้องกำกับดูแลกัน เพียงมีแต่แผนที่และเข็มทิศนำทางให้เขา เดินในกรอบ ทำเส้นทางเชื่อมโยงที่ชัดเจน สอดคล้องแผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เออีซี” นายกฯ กล่าว และว่าเรื่องรถไฟฟ้าจะทำไปทำไม ถ้ามันเชื่อมต่อกันไม่ได้ วันนี้ 1 ก.ม. ยังต่อไม่ได้ แต่จะต้องต่อให้ได้ในรัฐบาลนี้ ถ้าต่อไม่ได้ ตนจะเล่นงานคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ เดี๋ยวจะทำเอง 2-3 ปีแล้วติดอยู่นั่น ไม่รู้ติดอะไรกัน อ้างกฎระเบียบ ตนบอกแล้วจะดูให้ ขอให้บอกมา จะแก้ให้ ลงทุนรถไฟ 20 กว่าขบวน งบมหาศาล เส้นทาง 30 ก.ม. มันอะไรกันแบบนี้ ทำไมไม่เชื่อมต่อแต่ละเส้นให้ได้ เราเขียนลูปไว้ ให้ทั้งหมดว่าจะทำรถไฟฟ้าอย่างไรใน 20 ปี ถ้าจะไปทำอย่างอื่นก็เป็นเรื่องกลไกในสภา ที่จะกำกับดูแล โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ทั้งหมดนี้ไม่โทษใคร โทษตัวเอง แต่ถ้าไม่เข้ามาก็ไม่รู้ เพราะไว้ใจทุกคน ซึ่งเป็นระบบการปกครองการบริหารราชการแผ่นดิน

ไม่ปลดล็อกพรรค-แต่จะล็อกเพิ่ม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าเราวางกรอบไม่ได้ ก็วางแผนงานไม่ได้ มันก็ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน เราจะเดินหน้าไปอย่างไร ต้องมองบนพื้นฐานประชาชนเป็นศูนย์กลาง ประชาชนมีความสุข พึงพอใจ นี่คือหลักการสำคัญ นายของตนคือพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาด ไทย เคยสอนว่าจะทำอะไรต้องให้ถึงจุดหมาย และมองระหว่างทางด้วย เพราะถ้ามองที่หมายที่เดียว ปัญหาระหว่างทางจะเละไปหมด ไปตีที่หมายสุดท้ายไม่ได้ เพราะถูกข้าศึกซุ่มโจมตีตลอดทาง ทำให้ตายหมดทั้งขบวน

“อย่าคิดแบบเดิมๆ ทำงานไปวันๆ ผมคิดตลอด คิดแล้วก็ทำ กลางวันไม่พอ กลางคืนยังเก็บไปฝันเป็นงาน เช้ามาก็ได้รู้ว่ายังไม่เสร็จ ยังไม่ได้ทำ ลองทำแบบผมทำ บางครั้งยังลืมว่าใครอยู่บ้านกับผมบ้าง ตื่นก็ขึ้นรถไปทำงาน พอกลับบ้านก็ถามไปโน่นมาไม่ใช่เหรอ เขาบอกกลับมาตั้งแต่เมื่อคืน ไปงานด้วยกันมา สมองผมเสียแล้ว แปลกใจตัวเองเหมือนกัน จึงอยากให้ทุกคนคิดแบบผมคิด ถึงจะไปได้ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เราไม่ได้คิดเองเพราะมีความเห็น มีคณะกรรมการ มีการฟังความเห็นทั้งสภาปฏิรูป นักวิชาการ ข้าราชการและนักการเมืองที่มาร่วมมือ มีไม่ร่วมมือก็คงรู้ อะไรกูก็ไม่ฟัง จะฟังแต่ความเห็น จะฟังแต่รัฐธรรมนูญแต่ไม่มาร่วม พอถึงเวลาก็วุ่นวาย ขอปลดล็อก มันยังไม่ปลดล็อกตัวเองแล้วจะไปปลดใครได้ ผมก็ไม่ปลดล็อกให้ วันนี้ต้องร่วมมือกันก่อน จะทำให้ปลดล็อกทุกคนได้หมด ถ้าไม่ร่วมมือ ไม่ฟัง ไม่แสดงความคิดเห็น เอาแต่ได้ ผมก็ไม่ปลดล็อก แต่จะใส่ล็อกเพิ่มขึ้นอีกชั้นด้วย” นายกฯกล่าว

ทุกหน่วยต้องชี้แจงแผนใช้งบได้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมาแก้ปัญหาหมดทุกอันแล้ว เพียงแต่ปีนี้ และงบ ปี?61 จะต้องเป็นระบบให้ได้และต้องถึงปลายทาง ให้ทุกกระทรวงไปรื้อดูว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว ยังใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็กลับไปใช้ประโยชน์ให้ได้ โดยใช้งบปี?60 เสริมเข้าไป ถ้าเป็นไปได้ควรใช้งบปี?61 เสริมด้วยเพื่อให้เกิดระบบ ทั้งนี้ ถ้าไม่ทำแผนต่างๆ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่ตนพูดก็จะไม่ได้รับงบ ซึ่งตนสั่งการสำนักงบประมาณ ไปแล้ว และขอสั่งการอีกครั้ง ให้ทุกกระทรวงแต่งตั้งผู้รับผิดชอบ บูรณการเรื่องการปฏิบัติให้ชัดเจนในสำนักงานปลัดกระทรวง ตนจะเรียกคนเหล่านี้มาชี้แจงว่างบที่ใช้แผนงานโครงการ ต้องชี้แจงให้ได้ ซึ่งรัฐมนตรีชี้แจงกับตนได้อยู่แล้ว แต่ตนจะเล่นงานคนที่รัฐมนตรีหรือปลัดกระทรวงมอบหมายทำตรงนี้ แต่ปลัดกระทรวงก็ไม่ได้รอดตัวถ้าคนที่มอบหมายมาชี้แจงไม่รู้เรื่องปลัดกระทรวงก็โดนด้วย ตนไม่ได้ไล่บี้ใคร แต่ต้องการให้ตอบคำถามตนให้ได้จะเกิดประโยชน์อย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราจำเป็นต้องหาแนวทางเพื่อลดรายจ่ายประจำ โดยให้ ก.พ. หารือเรื่องการรับเจ้าหน้าที่ก.พ. ก.พ.ร. โดยให้ไปพิจารณาใหม่ หาวิธีการบรรจุคนเข้ามา ซึ่งควรมีทั้งพาร์ตไทม์ ฟูลไทม์ และรายได้พิเศษ อาจมีรายได้ที่ไม่ได้มาจากการเป็นข้าราชการได้หรือไม่ หรือมีรายได้ตามภารกิจ เราต้องมีทั้งข้าราชการประจำและลูกจ้างที่มีรายได้ตามสติปัญญาทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ

ระทึกตร.นำขบวนสมคิดชนเจ็บ

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่บางพื้นที่ประชาชนลงทะเบียนคนจนไม่ทันนั้น การขึ้นทะเบียนคนจนไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่ยังมีบางคนบิดเบือน ว่าหากขึ้นทะเบียนแล้ว รัฐบาลจะเข้าไปล้วงข้อมูลส่วนตัว ขณะที่หนังสือพิมพ์โจมตีว่าตนประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง ทั้งที่พูดจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว ใครที่ยังไม่ลงทะเบียน ขอให้รอการเปิดลงทะเบียนครั้งหน้า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า การทางพิเศษฯ หรือ ผู้ว่าฯอยู่หรือไม่ เพราะทางเข้าโรงแรมโนโวเทล มีเถาวัลย์ขึ้นเสาไฟฟ้า ขอให้ดูให้ทั่วถึง บ้านเมืองจะได้สะอาดเรียบร้อย เวลาที่ตนไปตรวจกระทรวง จะไปดูห้องส้วม โรงอาหาร ครัวว่าสะอาดหรือไม่ ถ้าเหล่านี้สะอาดส่วนอื่นก็จะสะอาดด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. บริเวณจุดแยกต่างระดับพญาไท ได้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ของ ด.ต.สุรสิทธิ์ สุวรรณแฮร์ รหัสหมวก 6081 ซึ่งเป็นรถนำขบวนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เกิดเฉี่ยวชนกับรถตู้สีขาว ขณะจะไปปฏิบัติภารกิจรับนายสมคิด เบื้องต้นมีรายงานว่ากระดูกไหปลาร้าหัก เจ้าหน้าที่จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลตำรวจโดยด่วน ทั้งนี้ระหว่างเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ขบวนรถของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจที่เมืองทองธานี ขับผ่านจุดดังกล่าวพอดี จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวผู้บาดเจ็บเข้ารักษาพยาบาลโดยด่วน

บิ๊กตู่เตะบอล-เสียหลักล้มคว่ำ

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาลได้ร่วมกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบออกกำลังกาย โดยนำร่องด้วยการเต้นแอโรบิกประมาณ 10 นาที จากนั้นนายกฯ ได้นำเล่นกีฬาฟุตบอลเพื่อให้กำลังใจกับนักฟุตบอลไทย ซึ่งวันนี้ตรงกับวันที่นักฟุตบอลทีมชาติไทย ลงสนามฟาดแข้งกับทีมชาติอินโดนีเซีย ในศึกฟุตบอลเอเอฟเอฟซูซูกิ คัพ นัดแรก โดยนายกฯ ยิงนำให้กับทีม 1 ลูก ก่อนชนะด้วยสกอร์ 2-0 ทั้งนี้ ระหว่างการเล่นช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์สะดุดลูกฟุตบอลล้มลง จนพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ ได้เข้าไปฉุดขึ้นมา

หลังเล่นฟุตบอลได้ประมาณ 10 นาที นายกฯ ตะโกนบอกหมดแรง ก่อนเดินไปยืนพักด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้า จากนั้นได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตามปกติ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นสัปดาห์ที่ 4 ตามที่นายกฯมีดำริให้ข้าราชการได้ออกกำลังกายกลางสัปดาห์ เพื่อให้ตื่นตัวในการทำงาน โดยได้รับความสนใจจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบเข้าร่วมจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันที่ 15 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ และคณะมีกำหนดการลงพื้นที่ อ.ระโนด จ.สงขลา ดูโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด-กระแส สินธุ์ ต.บ้านขาว อ.ระโนด จากนั้น จะพบปะประชาชน 2,000 คน ที่วัดวารีปาโมกข์ โดยจะมอบข้าวของเครื่องใช้ให้ประชาชน 1,000 ชุด ก่อนลงเรือเพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบอุทกภัยบริเวณริมคลองตะเครียะและทะเล สาบสงขลา พร้อมมอบเครื่องใช้จำเป็นให้กับประชาชน แล้วกลับกรุงเทพฯ ในเวลา 15.00 น.

วิษณุแจงคำสั่งยุบ 3 หน่วยงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 71/2559 ให้ยกเลิกพ.ร.บ.สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ.2543 พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง พ.ศ.2551 และพ.ร.บ.คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ.2553 และให้สำนักงานของ 3 หน่วยงานกฎหมาย ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย ว่าทั้ง 3 หน่วยงานนี้ครบวาระอยู่แล้ว โดยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สป.) ครบวาระก่อนแล้วมีการสรรหากรรมการชุดใหม่ แต่ระหว่างนั้นมีการฟ้องร้องกันกว่า 70 คดี จึงได้มีคำสั่งให้กรรมการชุดเก่าและชุดใหม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยยังไม่ยกเลิกกฎหมายของสป. ซึ่งเขาหยุดทำหน้าที่มา 2 ปีเศษแล้ว

โยกเจ้าหน้าที่คปก.ไปกฤษฎีกา

ส่วนคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย(คปก.) เมื่อครบวาระแล้วต้องสรรหาใหม่ซึ่งอาจเกิดความวุ่นวาย ปรากฏว่าในช่วงนั้น การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญโดยคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน มีเรื่องคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายรวมอยู่ด้วย จึงคิดว่าจะให้รอมีคณะกรรมการนี้ออกมาตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว แต่เมื่อร่างรัฐธรรมนูญนั้นตกไปแล้ว ดังนั้น ต้องรอดูว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) จะพูดถึงเรื่องนี้อย่างไร กระทั่งมีคำสั่งคสช.ออกมาว่าไม่ต้องสรรหากรรมการชุดใหม่

ส่วนกรณีของเจ้าหน้าที่และพนักงานที่มีประมาณ 100 กว่าคนนั้น รองนายกฯกล่าวว่าให้บางส่วนไปช่วยงานของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะเจ้าหน้าที่และพนักงานไม่ใช่นักกฎหมายทั้งหมด เนื่องจากงานหลักของคปก.เป็นการไปรับฟังความคิดเห็น ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสนใจที่จะให้เจ้าหน้าที่ส่วนนี้มาช่วยงาน

ชี้ 400 ขรก.ไม่กระทบ-เว้นพนง.

นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนสภาพัฒนาการเมือง(สพม.) กรรมการส่วนหนึ่งครบวาระเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ต้องสรรหากรรมการเข้ามาใหม่ แต่ปรากฏว่าสพม.เสนอแก้ไข พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง เพื่อปรับปรุงองค์กรครั้งใหญ่ ซึ่งร่างกฎหมายนี้ยังอยู่ในการพิจารณาของตน ขณะเดียวกันตอนนี้กำลังจัดทำร่างพ.ร.บ.การปฏิรูปประเทศ และร่างพ.ร.บ. ยุทธศาสตร์ชาติซึ่งมีเรื่องยุทธศาสตร์ทางการเมืองด้วย ส่วนพ.ร.บ.การปฏิรูปก็มีการปฏิรูปการเมืองที่คงจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งขึ้นมา จะทำให้สพม.อยู่ซ้ำซ้อนกันต่อไปได้ และมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องยกเลิกกฎหมายของ 3 หน่วยงานนี้ เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับคณะกรรม การที่จะตั้งขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และยุทธศาสตร์ชาติ แต่ในส่วนของสำนักงานยังให้คงอยู่ ข้าราชการให้ทำงานต่อไป

“ตอนนี้มีหน่วยงานต่างๆ แสดงความจำนงมาขอบุคลากรไปทำงาน โดยจะต้องมีการจัดสรรต่อไป ซึ่งทั้ง 3 องค์กรมีบุคลากรรวมประมาณ 400 กว่าคน ยืนยันว่าจะพยายามไม่ให้มีผลกระทบต่อข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ยกเว้นกรณีของพนักงานอัตราจ้างที่มีสัญญาจ้างเป็นรายปีซึ่งจะหมดอายุสิ้นปีนี้อยู่แล้ว แต่ผู้ที่เป็นข้าราชการได้อยู่ทำงานต่อ โดยจะเลือกให้ได้ทำงานต่อในหน่วยงานที่ใกล้ที่ทำงานเดิมและตรงตามความสามารถ” นายวิษณุกล่าว

กรธ.เปิดชี้แจงร่างพ.ร.บ.พรรค

ที่สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย กรธ. จัดสัมมนาเรื่อง “ชี้แจงสาระสำคัญร่างพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ….” มีพรรคการเมืองเข้าร่วมกว่า 28 พรรค ไม่มีตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วม

ด้านพรรคประชาธิปัตย์ มีนายธนา ชีรวินิจ อดีตส.ส.กทม. ยื่นหนังสือข้อเสนอแนะต่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนาก็ส่งเจ้าหน้าที่พรรคเป็นตัวแทน มายื่นข้อเสนอแนะเช่นกัน

นายมีชัยกล่าวชี้แจงการจัดทำกฎหมายพรรคการเมืองว่า ขณะนี้พ.ร.บ.พรรคการเมืองอยู่ในขั้นพิจารณา เมื่อได้รับฟังความเห็นแล้ว กรธ.จะนำไปทบทวน ซึ่งกรธ.ไม่ใช่ผู้เชี่ยว ชาญหรือชำนาญด้านการเมืองโดยตรง จึงต้องอาศัยการรับฟังความเห็นจากผู้รู้ประกอบการพิจารณาด้วย ส่วนที่บอกว่าเวทีนี้จัดเป็นแค่พิธี ยืนยันว่าไม่จริง กรธ.พร้อมรับฟังเสียงพรรคว่าสิ่งที่เราร่างในกฎหมายลูกทำได้จริงหรือไม่ มีประโยชน์หรือมีโทษ ถ้ามีประโยชน์ เราก็จะ หนักแน่น แต่ถ้ามีโทษจะทบทวนว่า คุ้มเสียหรือไม่

นายมีชัยกล่าวว่า กรธ.ไม่ได้มีอิสระในการทำกฎหมายลูก แต่ต้องยึดตามกรอบของรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติ อย่างน้อย 2 มาตราคือ 1.มาตรา 45 กำหนดให้พรรคการ เมือง ต้องมีการบริหารอย่างเปิดเผย ตรวจสอบได้ และสมาชิกต้องมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง ทั้งยังต้องมีมาตรการกำกับสมาชิกให้ไม่ทำผิดกฎหมาย 2.มาตรา 258(2) ว่าด้วยการปฏิรูปการเมือง กำหนดให้กิจกรรมการเมืองของพรรคต้องเปิดเผย ประชาชนต้องมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นของนายทุน การที่กรธ.กำหนดเรื่องค่าสมาชิกพรรคก็เพื่อให้เขามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ใช่อยู่ภายใต้ผู้มีอิทธิพล หรือนายทุนที่เป็นผู้ออกเงินทุน แล้วสมาชิกเป็นผู้นั่งเป็นตราประทับเท่านั้น ยืนยันว่ากรธ.ไม่ได้ใจร้าย แต่ต้องทำตามกรอบรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติไปแล้ว

ปชป.ขอร้องกรธ.อย่าทำลายล้าง

จากนั้น เวทีสัมมนาเปิดให้ตัวแทนพรรคตั้งคำถามและเสนอแนะ ตัวแทนพรรคหลายรายแสดงความห่วงกังวลถึงเกณฑ์การจัดเก็บค่าบำรุงพรรคของสมาชิกที่เป็นรายได้พรรค อยากให้เว้นการดำเนินการก่อน แล้วให้ช่วงนี้เป็น การสร้างการรับรู้ให้ประชาชน เนื่องจากลำพังไม่เก็บเงินก็หาสมาชิกยากอยู่แล้ว การหา สมาชิกไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่กรธ.เข้าใจ ตลอดจนจำนวนเงินทุนประเดิมที่รวมแล้วอย่างน้อยต้องมี 1 ล้านบาทถือว่ามากเกินไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ยื่นหนังสือข้อเสนอแนะนั้น พรรคชาติไทยพัฒนา เสนอแนะทั้งหมด 6 ข้อ คือ 1.การบัญญัติกฎหมายที่อาจขัดต่อหลักสิทธิและเสรีภาพบุคคล 2.สิ่งที่ไม่ปรากฎในร่าง 3.บทบัญญัติในร่างที่กำหนดไว้กว้าง แต่กลับมีบทลงโทษที่รุนแรง 4.บทบัญญัติในร่ากฎหมายที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน 5.บทบัญญัติในร่างที่อาจทำไม่ได้ในทางปฏิบัติ หรือปฏิบัติได้ยากจนเกินไป 6.ข้อเสนอแนะ

ด้านพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ กรธ.ทบทวน ข้อกำหนดเกี่ยวกับสมาชิกพรรค เพื่อให้ปฏิบัติ ได้จริง และไม่ทำลายล้างความเข้มแข็งของพรรค ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับสมาชิกพรรค โดยเฉพะการให้พรรคติดต่อสมาชิกในปัจจุบัน

กรธ.รับ-นำข้อแนะนำไปปรับ

นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ. แถลงถึงการรับฟังความเห็นพรรคการเมืองว่า มีเสียงวิจารณ์มากในส่วนของข้อกำหนดเรื่องค่าบำรุงสมาชิกพรรครายปี ทุนประเดิม และจำนวนสมาชิก ผู้ร่วมสัมมนาสะท้อนว่าพรรคใหญ่จะมีทุนมากจากจำนวนสมาชิกและ ทุนประเดิม ส่วนพรรคเล็กจะทุนน้อยลงมา ซึ่งกรธ.จะรับไปพิจารณาทบทวน เพื่อทำให้พรรคยืนบนขาตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งทุน ทั้งเรื่องทุนประเดิมคนละ 2,000 บาท รวมแล้วไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท ค่าบำรุงสมาชิกพรรคปีละ 100 บาท ขณะที่บทลงโทษจะพิจารณาความสัมพันธ์ของความผิดและความรุนแรง

นายอุดมกล่าวว่า สำหรับข้อห่วงกังวลเรื่องกรอบเวลาการเตรียมตัวเรื่องสมาชิก 180 วันนั้น ตนเข้าใจพรรคอยากมีเวลาเตรียมพร้อมเคลียร์เรื่องสมาชิก แต่เวลาตรงนี้มันจะไปสัมพันธ์กับกำหนดให้ต้องมีการเลือกตั้งภายใน 150 วันตามรัฐธรรมนูญ กรธ.จึงเร่งทำกฎหมายพรรคออกมาก่อน สำหรับพรรคเดิมที่มีสมาชิกหลักแสนหลักล้าน ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสมาชิก ไม่จำเป็นต้องทำบัญชีสมาชิก ให้ครบเป็นล้านคนตามที่มีอยู่ สามารถระดมทำเพียงตามเกณฑ์ขั้นต่ำ 5,000 คน ก็คงสภาพพรรคได้แล้ว

เตรียมเปิดอีกร่างพ.ร.บ.กกต.

นายประพันธ์ นัยโกวิท กรธ. เปิดเผยว่า ขณะนี้กรธ.กำลังทบทวนเนื้อหาและความถูกต้องของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ศ… ซึ่งจะเปิดเผยร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. ในเว็บไซต์ของกรธ.ได้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เห็นเนื้อหาฉบับเบื้องต้นก่อน

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า จากนั้นวันที่ 16 ธ.ค. เวลา 12.00 น. กรธ.จะจัดสัมมนาเรื่อง “ชี้แจงสาระสำคัญร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. พ.ศ… (ร่างเบื้องต้น) ที่รัฐสภา โดยขอเชิญ ผู้สนใจทั้งกกต. พรรคการเมือง ประชาชน และทุกภาคส่วนมาร่วมเสวนารอบแรก เพื่อดูว่าเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีอะไรแข็งเกินไป และควรมีอะไรปรับปรุงบ้าง

จากนั้น กรธ.จะเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนในเวที 4 ภาค ถ้าใครสนใจต้องการแสดงความเห็นในร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. ส่งมาที่กรธ.ได้โดยตรง เพราะเราเปิดกว้างรับฟังจากทุกภาคส่วน

กำลังใจ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แวะทักทายชาวบ้านที่มารอให้กำลังใจ ระหว่างเดินทางมาฟังการสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 9 คดีรับจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.

กำลังใจ – น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แวะทักทายชาวบ้านที่มารอให้กำลังใจ ระหว่างเดินทางมาฟังการสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 9 คดีรับจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.

ปูชี้ช็อปช่วยชาติยังมีช่องว่าง

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมทีมทนายเดินทางมาขึ้นสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 9 ในคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยมีอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคและอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค นายพร้อมพงศ์นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรค นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต ส.ส.น่าน เป็นต้น รวมถึงมวลชนมาร่วมให้กำลังใจจำนวนมาก โดยมีตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 1 กองร้อยมารักษาความปลอดภัย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าศาลถึงการยื่นคัดค้านคำสั่งทางปกครองกรณีการชดใช้ค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่น ล้านบาท ต่อศาลปกครองว่า ยังอยู่ในกำหนดเวลา ยืนยันว่าจะใช้สิทธิตามกรอบของกฎหมาย โดยทีมทนายความอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ หากเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวถึงมาตรการช็อปช่วยชาติของรัฐบาลว่า อย่างน้อยก็เป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย แต่ส่วนนี้มองว่าได้ประโยชน์กับผู้ที่มีเกณฑ์เสียภาษี จึงยังมีช่องว่างอยู่ อยากฝากรัฐบาลให้ช่วยประชาชนที่ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีว่าจะได้รับประโยชน์อะไรบ้างในช่วงปลายปีนี้ จะได้มีโอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าด้วย

แจงสาเหตุพท.ไม่ร่วมเวทีกรธ.

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวถึง กรธ.เปิดรับฟังความคิดเห็น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จากพรรคต่างๆ ในวันนี้ว่า ในหลักการเบื้องต้น พรรคยินดีให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนอยู่แล้ว โดยเฉพาะอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน แต่พรรคไม่อยากแค่ส่งตัวแทนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง เพียงเพื่อแค่ยอมรับในข้อกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติต่างๆ ซึ่งมองว่าไม่ถูกต้อง พรรคอยากให้ กรธ.เปิดกว้างทั้งเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ โอกาสให้ประชาชน มีส่วนร่วมรับรู้เนื้อหา รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญมากกว่านี้จะดีกว่า เพราะเป็นกติกาที่เราต้องใช้และเป็นอนาคตของประเทศ ดังนั้น ประชาชนควรได้รับฟังและมีส่วนร่วม ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าพรรคจะขยายความขัดแย้ง หรือไม่ให้ความร่วมมือ แต่เรามองเรื่องการมีส่วนร่วมมากกว่าการแค่เข้าไปรับฟัง กรธ.

เมื่อถามถึงการลงสมัครรับเลือกตั้งหลังจากพรรคเพื่อไทยแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะมีจุดยืนเห็นต่าง แต่เป็นหน้าที่ ของนักการเมืองที่ต้องแสดงเจตนารมณ์ แสดงความคิดเห็นถึงข้อดีข้อเสียแต่ละมุมมองให้กับประชาชน ดังนั้น การตัดสินใจต่างๆ ขึ้นกับประชาชน จึงเป็นเหตุว่าทำไมพรรคต้องพูด ทำไมทุกคนต้องแสดงความคิดเห็น นี่คือเสน่ห์ที่เกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย

ชูศักดิ์ชี้-แจง 3 ชม.ให้ซัก 30 นาที

ด้านนายชูศักดิ์กล่าวว่า กรธ.มีหนังสือโดยเป็นจดหมายข่าว แจ้งประชาชนและผู้สนใจที่อยากเข้าร่วมรับฟังสัมมนา โดยกรธ.ใช้เวลา 3 ชั่วโมง แต่เปิดโอกาสให้พรรคซักถามเพียงครึ่งชั่วโมง ซึ่งพรรคดูแล้วคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม เพราะไม่มีประโยชน์ เจตนาของ กรธ.ไม่ต้องการรับฟังพรรค แต่เหมือนให้พรรคไปฟัง กรธ.ชี้แจงมากกว่า

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งเอกสารชี้แจงให้กับกรธ.หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาแกนนำพรรคหลายคนได้แสดงความเห็นผ่านสื่อต่อร่างดังกล่าวโดยกว้างขวางไปแล้ว ซึ่งแล้วแต่ กรธ.จะหยิบยกหรือรับฟังมากน้อยเพียงใด แต่จุดยืนของพรรคเพื่อไทยชัดเจนว่าเราไม่ต้องการสร้างความขัดแย้ง สิ่งสำคัญที่สุดในการเมืองขณะนี้คือการยินยอมรับฟังความเห็นของกันและกัน

เต้นซัดกม.พรรคเปิดทางคนนอก

วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า สภาพความเป็นจริงหลังรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกบังคับใช้นั้นจะมีพื้นที่ทางการเมือง 2 แบบคือ 1.พื้นที่ทางการเมืองโดยอำนาจอธิปไตยของประชาชนผ่านกระบวนการของพรรคการเมือง และ 2.พื้นที่ทางการเมืองโดยอำนาจพิเศษผ่านกระบวน การลากตั้งทั้งหลายตามที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวเห็นด้วยกับหลายประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาในร่างพ.ร.บ.พรรค การเมือง แต่อยากขยายภาพปัญหาให้ชัดขึ้นหากบังคับใช้คือจะทำให้พื้นที่การเมืองในระบบแคบลง คนที่จะเข้าสู่สนามการเมืองผ่านการเลือกตั้ง หรือตั้งพรรคการเมืองเพื่อแสดงบทบาทในเรื่องที่สนใจเป็นการเฉพาะจะมากด้วยข้อจำกัด ทั้งเรื่องเงินค่าก่อตั้ง ค่าสมาชิก ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการทอดกฐินที่นายมีชัยกล่าวอ้าง เพราะไม่มีกฎหมายข้อไหนบังคับให้กรรมการต้องจ่ายเงินแบบการก่อตั้งพรรคการเมือง การหาจำนวนสมาชิก บทลงโทษต่างๆ และแรงเสียดทานจากสมมติฐานที่ถูกสร้างว่านักการเมืองเป็นพวกโกง ชั่วร้ายไปทั้งหมด

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ผลที่สุดคือคนที่สนใจการเมืองจะเกิดวิธีคิดว่าพื้นที่การเมืองนอกระบบเป็นเรื่องง่ายกว่า ดูดีกว่า และมีโอกาสเข้าสู่อำนาจอย่างปลอดภัยมากกว่า แม้กระทั่งกลุ่มสนับสนุน เช่น กลุ่มทุนทั้งหลายก็จะเห็นว่าต้องยืนอยู่กับอำนาจนอกระบบเพราะไม่มีกระบวนการตรวจสอบและบทลงโทษ คำถามคือกติกาแบบนี้หรือที่จะนำการปฏิรูปไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น พรรค การเมืองทุกพรรคต้องปฏิรูปตัวเองและแสดงรูปธรรมที่ชัดเจนเรื่องหลักการประชาธิปไตย หากยังย่ำอยู่กับที่ภายใน 5 ปีจะหาที่ยืนไม่ได้ ต้องอยู่ภายใต้อิทธิพลอำนาจนอกระบบ

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องติ่งหมิ่นปู

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.2493/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 จากกรณี ว.5 โฟรซีซั่นส์

คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 19-20 ก.พ. 2555 จำเลยได้แถลงข่าวหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ว่ามีพฤติการณ์และความประพฤติผิดจริยธรรม ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เสียชื่อเสียง โจทก์จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายเเละ ยึดทำลายเอกสารที่มีข้อความดังกล่าวและโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 7 วัน คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2556 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมที่นำสืบจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง การแถลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการติชมด้วยความสุจริตเป็นธรรม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามกฎหมาย

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้ว เห็นว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์เบิกความว่า ในวันที่ 8 กันยายน 2555 พยานเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ที่ห้อง Executive Club ตั้งแต่เวลา 14.30-23.00 น. ซึ่งที่บริเวณข้างนอกห้องประชุม ภายในคลับดังกล่าว มีลูกค้ามารับประทานอาหารและเครื่องดื่ม แต่พยานจำได้ว่าแต่ละคนเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการประจำ แสดงว่า เรื่องที่โจทก์ร่วมเข้าร่วมประชุม น่าจะไม่ใช่เรื่องสำคัญถึงขนาดเป็นการลับที่จำเป็นต้องมาพูดคุย ในสถานที่ดังกล่าว จนไม่สามารถเปิดเผยได้

ดังนั้นเมื่อโจทก์ร่วมไม่สามารถเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับการประชุมที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ได้ ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งโจทก์ร่วมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่โดยตรงต้องเข้าประชุม เนื่องจากเป็นการพิจารณากฎหมาย ซึ่งเป็นประโยชน์ของชาติ ย่อมเป็นเหตุให้จำเลยซึ่งมีหน้าที่ติดตามตรวจสอบการทำงานของโจทก์ร่วมและ ในฐานะประชาชนมีสิทธิตั้งข้อสงสัยพฤติกรรมของโจทก์ร่วมได้

นอกจากนี้การแสดงความเห็นของจำเลยเป็นลักษณะเชิงตั้งคำถามมากกว่ายืนยันข้อเท็จจริง อีกทั้งเมื่อโจทก์ร่วมเป็นนายกรัฐมนตรีย่อมเป็นบุคคลที่ประชาชนสามารถตั้งข้อสงสัย ติดตามพฤติกรรมและแสดงความเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ได้ด้วยความเป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (3) จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

สนช.เลื่อนถกพ.ร.บ.คอมพ์-16ธ.ค.

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ประธานกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สนช. กล่าวถึงกระแสคัดค้านการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวในวาระ 3 ว่า มาถึงชั้นนี้คงชะลอหรือทบทวนอีกไม่ได้ ต้องเดินไปตามกระบวนการพิจารณากฎหมาย แต่จะมีการเลื่อนวาระการพิจารณาไปเป็นวันที่ 16 ธ.ค.แทน เนื่องจากการประชุมสนช.ในวันที่ 15 ธ.ค. มีวาระการพิจาณากฎหมายบางฉบับที่ต้องใช้เวลานาน ยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้ถูกแก้ไขให้ดีขึ้นกว่าฉบับ 2550 มีเนื้อหาระบุชัดว่าไม่เกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญา ทำให้การบังคับใช้แยกฐานความผิดกัน จะไม่มีการใช้พ่วงกันในการฟ้องร้องเหมือนที่ผ่านมา ส่วนข้อห่วงกังวลเรื่องการปิดกั้นการเข้าถึงหน้าเว็บไซต์ ยังต้องใช้หมายศาล ภาพรวมของกฎหมายเป็นไปตามหลักสากล เราต้องการคุ้มครองความมั่นคงทั้งเศรษฐกิจและสังคม ถ้าปล่อยให้นำเข้าข้อมูลที่ปลอมแปลงเข้าสู่ระบบมันจะกระจายอย่างรวดเร็ว จึงแก้ไขปรับปรุงให้กฎหมายมีความชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดการคัดค้านร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับที่… พ.ศ. …. ที่เข้าสู่การพิจารณาวาระ 3 ของที่ประชุมสนช.ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ บนเว็บไซต์ change.org ล่าสุดเวลา 17.37 น. วันที่ 14 ธ.ค. มีประชาชนร่วมลงชื่อแล้วทั้งสิ้น 150,033 คน เพิ่มขึ้น 1 แสนคนภายในวันเดียว ด้านายอาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ตกล่าวว่า รู้สึกดีใจมาก ที่วันเดียวมีผู้ร่วมลงชื่อคัดค้านเกิน 1 แสนคน ในวันที่ 15 ธ.ค. ตนจะนำรายชื่อทั้งหมดยื่นต่อสนช. และหวังว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของสนช.ก่อนลงมติกฎหมายดังกล่าวในวันที่ 16 ธ.ค.

สมบัติ-ธนิสร์ศิลปินแห่งชาติปี59

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่กระทรวงวัฒนธรรม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นประธานประกาศผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2559 ที่ได้รับการยกย่องรวมทั้งหมด 12 คน ได้แก่

1. สาขาทัศนศิลป์ 4 คน นางคำสอน สระทอง (ประณีตศิลป์-ทอผ้า) นายเดโช บูรณบรรพต (ภาพถ่าย) นางลาวัณย์ อุปอินทร์ (จิตรกรรม) รศ.เสนอ นิลเดช (สถาปัตยกรรมไทยประเพณี)

2.สาขาวรรณศิลป์ 4 คน ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ มีสมสืบ หรือ ศักดิ์สิริ มีสมสืบ, นางชูวงศ์ ฉายะจินดา หรือ ชูวงศ์ ฉายะจินดา, นายธัญญา สังขพันธานนท์ หรือ ไพฑูรย์ ธัญญา และศาสตราจารย์พิเศษเรืองไร กุศลาสัย หรือ เรืองอุไร กุศลาสัย

และ 3. สาขาศิลปะการแสดง 4 คน ประกอบด้วย นายธนิสร์ ศรีกลิ่นดี (ดนตรีไทยสากล) นางบัวเรียว รัตนมณีภรณ์ (การแสดงพื้นบ้าน-ช่างฟ้อน) นายสมบัติ เมทะนี (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) นายหะมะ แบลือแบ หรือ มะยะหา (การแสดงพื้นบ้าน-ดีเกร์ฮูลู)

ทักษิณส่งทนายแจ้งจับไทยโพสต์

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. ที่สน.มักกะสัน นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ ชินวัตร เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับบริษัท สารสู่อนาคต จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ และเว็บไซต์ http://www.thaipost.net นายชูเกียรติ ยิ้มประเสริฐ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาและเผยแพร่ข้อความ และผู้มีนามปากกาว่า “แซมซาย” ซึ่งเป็นผู้เขียนบทความ รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จากกรณีหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ดังกล่าวลงข้อความในคอลัมน์ บันทึกหน้า 4 เขียนโดย แซมซาย กล่าวหาเป็นผู้สั่งการให้”แก๊งล้มเจ้า-ชูระบอบสาธารณรัฐ” เคลื่อนไหวโจมตีสถาบัน

นายชุมสายกล่าวว่า การที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์และเว็บไซต์ดังกล่าวนำข้อความอันเป็นเท็จมาลงโฆษณาเผยแพร่กล่าวหาว่านายทักษิณเป็นผู้สั่งการให้โจมตีใส่ร้ายสถาบัน ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันมาตลอด การกล่าวหาเช่นนี้จึงถือเป็นการกล่าวหาที่รุนแรงมาก ตนจึงมาร้องทุกข์เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลต่างๆ ในความผิด ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) (2) (3) และ (5)

ร.ต.อ.ไพศาล สุธาพจน์ รอง สว.(สอบสวน) สน.มักกะสัน กล่าวว่า ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล หลังจากนี้จะตรวจสอบข้อเท็จจริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน