“อภิสิทธิ์” เหน็บ “ทักษิณ” ปลุกสู้สงคราม เหตุหวงผลประโยชน์ รับฐานเสียงเพื่อไทยยังแน่น

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการฟ้าวันใหม่ ถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดคุยกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ว่า ตรงนี้คือปฏิกิริยาตามที่นักวิเคราะห์ กำลังตั้งคำถามว่า พรรคของนายทักษิณ พรรคเพื่อไทยที่กำลังเผชิญกับการถูกดูดอยู่ จะนำไปสู่ความแพ้หรือจะยังสู้ต่อไปหรือไม่ นายทักษิณจึงปลุกขวัญกำลังใจฝ่ายของตน ให้สู้กันยาวๆบางช่วงอาจแพ้ แต่สุดท้ายจะชนะ จึงพยายามแสดงตนสู้เพื่อประชาธิปไตย

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ความจริงโดยพื้นฐานพรรคเพื่อไทยยังได้เปรียบอยู่ แต่ประชาชนที่สนับสนุนเขาสงสัยว่า เอาจริงหรือไม่ สู้หรือไม่ หรือผู้อุปถัมภ์ ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ อย่างอดีตส.ส.แปรพรรค ก็อาจจะเกิดความไม่มั่นใจ ซึ่งประเมินยากว่า คะแนนเสียงจะเป็นอย่างไร หากอดีตส.ส.ออกไปก็ต้องกระทบคะแนนเสียงไม่มากก็น้อย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไม่ลืมว่า ทุกคะแนนจะถูกนำไปคิดคะแนนส.ส. เช่น เดิมผู้สมัครฯเพื่อไทยเคยชนะ 6 หมื่นคะแนน แล้วย้ายออกไป ฐานเสียงเพื่อไทยก็ยังแน่นอยู่ แต่ก็อาจชนะแค่ 4 หมื่นคะแนน อีก 2 หมื่นคะแนนจะไปอยู่กับคนที่ย้ายออกไป ซึ่งทุกคะแนนจะไปคำนวนจำนวนส.ส.ที่พรรคพึงมีทั้งสภา แน่นอนที่สุด ทุกคนต้องพยายามรักษาคะแนนและเพิ่มคะแนน

การปลุกขวัญกำลังใจไม่ใช่เรื่องแปลก ซึ่งตนวิเคราะห์มาตลอดว่า เป็นเรื่องยากที่นายทักษิณจะยอม ทั้งที่พูดมาหลายครั้งแล้วว่า จะเลิก เพราะมีผลประโยชน์อยู่มากในการที่ฝ่ายตนเองอยู่ในอำนาจ ตนเป็นห่วง 2 ประเด็นคือ 1. สิ่งที่ทำมาคือประชาธิปไตย ทั้งที่จริงแล้ว ตนไม่ปฏิเสธการเลือกตั้งกระบวนการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย แต่วิธีการตั้งแต่ไทยรักไทยเป็นต้นมา ไม่เป็นเสรีนิยมประชาธิปไตย หรือเสรีประชาธิปไตย ไม่เคารพเสียงข้างน้อย ใช้อำนาจเกินขอบเขต และทุจริต

ทักษิณ ชิน​วัตร

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 2. ศัพท์แสงที่ใช้อย่างคำว่า วอร์ หรือแบทเทิ่ล ทำให้วิตกกังวล ว่า ความรุนแรงจะกลับมาหรือไม่ ดังนั้น การมองอนาคตของประเทศภายใต้ศึกสงครามน่าเป็นห่วง ใครจริงใจต่อระบอบประชาธิปไตยต้องมาคุยกันว่า จะสร้างให้ยั่งยืนได้อย่างไร

ผมเสนอว่า 1.ผู้ยึดอำนาจแล้วกำลังจะกลับคืนสู่การเลือกตั้ง ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งที่ไปทำลายต่อการวางรากฐานประชาธิปไตย 2. นักการเมือง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยได้เรียนรู้หรือยังว่า ไม่ใช่แค่การยึดอำนาจปี 2549 ปี 2557 แต่นักการเมืองเองมีส่วนเกี่ยวข้องทำให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้

เมื่อถามถึง กลุ่มสามมิตร ขั้วพรรคทหาร ใช้หนามยอกเอาหนามบ่ง ดูดนักการเมืองเหมือนที่นายทักษิณเคยทำ ซึ่งกกต.ก็จับตาดูอยู่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายกฯรีบปฏิเสธว่าไม่เกี่ยว แต่มันเกี่ยว คนที่เคลื่อนไหวเหล่านี้ เขาพูดชัดเจนเขาคิดจะสนับสนุนท่านเป็นนายกฯต่อไป ความเชื่อของผมว่า ถ้าเอาความไม่ถูกต้องไปสู้กับความไม่ถูกต้องยังไงก็ไม่ถูกต้อง ได้ผลเพียงชั่วคราว ได้เพียงผู้ร้ายหรือยักษ์ตัวใหม่ขึ้นมา

การเมืองที่เริ่มต้นด้วยผลประโยชน์ในทางที่ไม่ชอบจะนำไปสู่ธรรมาภิบาลได้อย่างไร ฉะนั้น ถ้าจะสู้สงครามกันแบบนี้ ประเทศชาติจะชนะได้อย่างไร คนที่เข้าก๊กเพื่อแลกตำแหน่งผลประโยชน์ จะเข้าไปใช้อำนาจเพื่อความชอบธรรมได้อย่างไร ค่อนข้างชัดว่า การเดินสายของกลุ่มสามมิตร ที่มีมิตรคนที่ 4 อยู่ข้างหลังนั้น มันเอี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐ ตรงตามเรื่องก๊กอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน